ข้อควรรู้เกี่ยวกับที่จอดรถคอนโดฯ
ข้อควรรู้เกี่ยวกับที่จอดรถคอนโดฯ
หลายคนที่กำลังลังเลว่าจะซื้อคอนโดฯ ดีไหม เพราะมีความกังวลเรื่องของที่จอดรถ วันนี้ #Homezoomer ได้รวมรวบข้อกฎหมายเกี่ยวกับที่จอดรถ พร้อมทั้งวิธีการคำนวณและสัดส่วนที่จอดรถของโครงการที่อยู่อาศัยประเภทคอนโดมิเนียมมาฝากเพื่อนเพื่อศึกษาทำความเข้าใจก่อนทำการตัดสินใจซื้อ จะเป็นอย่างไร ไปดูกันเลย…
ที่จอดรถคอนโดมิเนียมสามารถแบ่งได้ทั้งหมด 3 ประเภทด้วยกัน ได้แก่
- Outdoor Parking (ที่จอดแบบกลางแจ้ง) – โดยส่วนมากที่จอดรถแบบกลางแจ้งจะอยู่ที่ชั้น G ทำให้ไม่ต้องวนรถขึ้นอาคารเพื่อไปยังที่จอด แต่จะไม่เชื่อมต่อยังส่วนที่พักอาศัย รถที่มีหลังคาสูงสามารถจอดได้โดยที่ไม่ต้องกังวลว่าหลังคารถจะชนกับเพดาน แต่ในบางฤดูกาลอาจทำให้รถต้องตากแดดหรือตากฝนทั้งวัน
- Indoor Parking (ที่จอดในอาคาร) – ที่จอดรถในอาคารมักเชื่อมต่อกับส่วนที่พักอาศัย ทำให้ใช้งานได้อย่างต่อเนื่องและมีหลังคากันแดดและฝนทำให้รถไม่ต้องตากแดด แต่ข้อเสียของที่จอดในอาคารคือมีจำกัดความสูงของอคารจอดรถไว้ที่ 2 – 2.4 เมตร ทำให้รถที่มีความสูงมากไปกว่านี้ไม่สามารถเข้าจอดได้และหากไม่มีไฟส่องสว่างพอ หรือมีเส้นทางขึ้น-ลง ลาดชัน อาจทำให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้งานได้
- Automated Parking System (ที่จอดรถอัตโนมัติ) – ข้อดีของที่จอดรถประเภทนี้คือความสะดวก ไม่ต้องเสียเวลาหาที่จอด แถมยังประหยัดพื้นที่เนื่องจากที่จอดรถปรพเภทนี้จะใช้พื้นที่เพียง 5-15 ตร.ม. ต่อคันเท่านั้น แต่ข้อเสียคือใช้งบในการก่อสร้างเยอะและดูแลรักษาค่อนข้างยาก นอกจากนี้ยังต้องรอคิวเมื่อต้องการเรียกรถในเวลาเร่งด่วนอีกด้วย
นอกจากที่จอดรถทั้ง 3 ประเภทนี้ ปัจจุบันโครงการคอนโดมิเนียมยังนิยมทำที่จอดรถหรือ EV Charger เพื่อตามเทรนด์รักษ์โลกและรองรับการใช้งานของลูกบ้านที่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าอีกด้วย
ต่อไปลองไปดูข้อกฎหมายเกี่ยวกับที่จอดรถในโครงการคอนโดมิเนียมกันบ้าง อ้างอิงกฎกระทรวงฉบับที่ 7 และ พรบ.ควบคุมอาคาร 2544 ดังนี้
- คอนโดฯ หรืออาคารชุด ต้องออกแบบที่จอดรถยนต์ไม่น้อยกว่า 1 คันต่อ 1 ครอบครัว
- คอนโดฯ หรืออาคารชุด ต้องจัดเตรียมที่จอดรถให้อยู่ภายในบริเวณของโครงการเท่านั้น หากอยู่นอกอาคารต้องมีทางไปสู่โครงการไม่เกิน 200 เมตร
- คอนโดฯ หรืออาคารชุดที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และมียูนิตภายในโครงการที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 60 ตร.ม. ขึ้นไปต้องมีที่จอดรถ 1 คัน ต่อ 1 ห้อง
- คอนโดฯ หรืออาคารชุดที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ และมียูนิตภายในโครงการที่มีพื้นที่ตั้งแต่ 120 ตร.ม. ขึ้นไป ต้องมีที่จอดรถ 1 คัน
- ที่จอดรถ 1 คันจะต้องมีขนาดอย่างน้อย 4×5 เมตร
โดยทั่วไปแล้วคอนโดมิเนียมต้องมีที่จอดรถไม่ต่ำกว่า 40% จึงจะเหมาะสม โดยมีวิธีคำนวณจากขนาดของโครงการดังนี้ (นำจำนวนที่จอดรถ x 100) แล้วนำผลลัพธ์ไปหารกับจำนวนยูนิตของโครงการ ก็จะได้ผลลัพธ์ทั้งหมดเป็น % จำนวนที่จอดรถภายในอาคารนั่นเอง
เรียบเรียงโดย Homezoomer
เว็บไซต์ ประกาศ ซื้อ ขาย บ้าน มือ1 มือ2 : Hubzoomer.com
ติดตามข่าวสาร รีวิวบ้านและคอนโด สาระน่ารู้ : Homezoomer