ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มุ่งตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคหลังยุคโควิดด้วยโครงการรูปแบบมิกซ์ยูส พร้อมเจาะลึกแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566
ดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค มุ่งตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคหลังยุคโควิดด้วยโครงการรูปแบบมิกซ์ยูส พร้อมเจาะลึกแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566
เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมส่วนใหญ่ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สร้างผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย ส่วนหนึ่งมาจากความไม่แน่นอนที่ทำให้ชาวต่างชาติจำนวนไม่น้อยย้ายกลับประเทศและขายคอนโด ฯ พื้นที่สำนักงานที่ว่าง รวมถึงปิดร้านค้าชั่วคราวเนื่องจากมาตราการเว้นระยะห่างระหว่างบุคคล อีกทั้งยังขาดการมาเยือนของนักท่องเที่ยวตั้งแต่ปี 2563 ถึง 2564 ทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ตกต่ำ ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างมาก
สำหรับตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทย ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ (REIC) แห่งประเทศไทย ระบุว่าตลาดที่อยู่อาศัยของไทยจะกลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดภายในสิ้นปี 2566 เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ เนื่องจากแรงหนุนของนโยบายผ่อนคลายกฎระเบียบสินเชื่อที่อยู่อาศัย การเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนที่เล็งไทยเป็นจุดหมายการเดินทางขาออกอันดับต้น ๆ หลังจากรัฐบาลจีนประกาศเปิดประเทศ ดังนั้น เมื่อแบ่งตามประเภทของอสังหาริมทรัพย์ พบว่ามีปัจจัยหลายด้านที่ช่วยกระตุ้นการลงทุน และส่งเสริมการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยโดยรวม
อสังหาริมทรัพย์ที่อยู่อาศัย
รายงานแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยปี 2566 ของซีบีอาร์อี (CBRE) ระบุว่า การอุบัติขึ้นของโรคระบาดตลอด 3 ปีที่ผ่านมาได้เปลี่ยนพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคด้านที่อยู่อาศัยและการทำงาน ข้อพิสูจน์ที่ชัดเจนคือเทรนด์การทำงานจากที่บ้าน (Work from Home) นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการระดับลักชัวรี จึงต้องหันมาใส่ใจรายละเอียดการออกแบบตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งให้ความสำคัญกับความสะดวกสบาย ทันสมัย พื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้น และคุณภาพชีวิตที่ดี
อนึ่ง สืบเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และความซับซ้อนของตลาดอสังหาริมทรัพย์จีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้และตะวันออกกลางจึงกลายเป็นตลาดที่มีศักยภาพอันดับต้น ๆ ในสายตานักลงทุนจากแดนมังกร โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งไม่นานมานี้ รัฐบาลได้อนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการได้มาซึ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการลงทุนโดยการดึงดูดชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูงสู่ประเทศไทย กล่าวคือ ชาวต่างชาติที่ผ่านเกณฑ์ข้อกำหนดจะสามารถซื้อและเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์ในไทยได้ นั่นเอง
ตลาดสำนักงาน
ภาพรวมอุปทานต่อการเช่าพื้นที่สำนักงานในกรุงเทพฯ ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังการฟื้นตัวจากโรคระบาด เพราะอาคารสำนักงานเดิมที่มีอายุมากกว่า 20 ปี เริ่มไม่ตอบโจทย์เทรนด์ยุคใหม่ ซึ่งไม่ใช่แค่ทำเลที่ตั้ง แต่ยังรวมถึงโซลูชันในสถานที่ทำงานแบบครบวงจร ความสามารถในการส่งมอบประสบการณ์การเชื่อมต่อที่ใกล้ชิดขึ้น สิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย สภาพแวดล้อมการทำงานสไตล์โมเดิร์นที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนการผ่านมาตรฐานจาก LEED และ WELL ที่ผู้ประกอบการยุคใหม่ให้ความสำคัญและยกเป็นหนึ่งในแรงจูงใจให้พนักงานกลับมาทำงานในออฟฟิศ และช่วยในการสรรหาบุคลากรที่มีความสามารถเข้ามาทำงาน ดังนั้น แทนที่จะหมดค่าใช้จ่ายไปกับการรีโนเวทสำนักงานเดิม ผู้ประกอบการ (ผู้เช่า) จึงเริ่มมองหาทางเลือกอาคารสำนักงานแบบเทิร์นคีย์แห่งใหม่ที่พร้อมกว่า
ศูนย์การค้า
ถึงแม้ว่าตลาดอีคอมเมิร์ซไทยจะเติบโตต่อเนื่องในปัจจุบัน แต่หากพิจารณาจากรายงาน ตีแผ่สมรภูมิ E-commerce ไทย จัดทำโดย KKP Research กลุ่มการเงินเกียรตินาคินภัทร กลับพบว่า มูลค่าการซื้อสินค้าผ่านช่องทางอีคอมเมิร์ซของผู้ใช้ไทยยังต่ำ เพียง 9% ของยอดค้าปลีกรวมเท่านั้น ข้อพิสูจน์นี้ชี้ว่ามนุษย์ยังต้องการปฏิสัมพันธ์และเลือกสรรผลิตภัณฑ์ด้วยตนเองที่หน้าร้านแบบออฟไลน์ โดยเฉพาะหลังยุคโควิด การออกมาพบปะกันในพื้นที่เปิดจะกลายเป็นสิ่งที่ทุกคนแสวงหา ดังนั้น ผู้พัฒนาโครงการและผู้ประกอบการจำเป็นต้องปรับปรุงอาคารศูนย์การค้า หน้าร้านหรือแพลตฟอร์มออฟไลน์ ให้รองรับความต้องการนี้ เช่น การนำเสนอพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่สันทนาการเชิงสร้างสรรค์ พื้นที่แสดงงานศิลปะ สวนสาธารณะที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยง และกิจกรรมกลางแจ้งสำหรับครอบครัว เป็นต้น ประกอบกับความนิยมในศูนย์การค้าขนาดกลางที่เพิ่มขึ้น ทำให้ผู้ค้าปลีกเริ่มพัฒนาร้านค้าปลีกขนาดกลางเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมนักช้อปในอนาคต
แนวคิดการพัฒนาโครงการรูปแบบมิกซ์ยูส (Mixed-Use Project)
ด้วยแรงหนุนจากความต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ใจกลางเมือง และความต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับศูนย์การค้าด้วยขนาดที่ใหญ่ขึ้นและครอบคลุมครบทุกมิติ สำหรับนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เจ้าใหญ่ โครงการรูปแบบมิกซ์ยูส คือโซลูชันที่ผสมผสานทั้งที่พักอาศัยระดับลักชัวรี อาคารสำนักงาน โรงแรม 5 ดาว โรงภาพยนตร์ พื้นที่จัดกิจกรรม แหล่งการศึกษาและการดูแลเด็ก ร้านค้าและบริการครบครัน เป็นต้น เข้ามาไว้บนพื้นที่โครงการขนาดมหึมาใจกลางย่านเศรษฐกิจสำคัญของเมืองใหญ่
อย่างในกรุงเทพฯ โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค ถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนพัฒนาโครงการรูปแบบมิกซ์ยูสครั้งประวัติศาสตร์ บนพื้นที่หัวมุมถนนสีลม-พระราม 4 ซึ่งศักยภาพของทำเลดังกล่าวได้พัฒนาไปมากจากเมื่อครั้งสมัยโรงแรมดุสิตธานีเดิมยังอยู่เป็นแลนด์มาร์ค โดยราคาที่ดินย่านสีลมที่ได้รับการประเมินล่าสุด ปี 2565 จากกรมธนารักษ์ ระบุตัวเลขสูงสุดคือ 1,000,000 บาทต่อตารางวา หากคิดเฉพาะราคาที่ดินที่กำลังพัฒนาโครงการอยู่ตอนนี้ ราคาที่ดินจะสูงกว่า 9,000 ล้านบาท ซึ่งส่วนนี้ถือเป็นข้อได้เปรียบ ทางโครงการฯ จึงได้สรรค์สร้างโครงการมิกซ์ยูสที่สามารถใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย
แนวคิด Urban re-development จึงถูกนำมาใช้กับการเปลี่ยนผ่านของดุสิตธานี ซึ่งเป็นทำเลศักยภาพที่ได้ชื่อว่ามีราคาสูงที่สุดของกรุงเทพฯ และยังเป็นการพลิกโฉมศูนย์กลางธุรกิจถนนสีลม ให้มีความโดดเด่นเป็นไอคอนิคของกรุงเทพมหานคร โดยโครงการฯ จะแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ โรงแรมดุสิตธานี กรุงเทพ, โครงการที่พักอาศัย ดุสิต เรสซิเดนเซส, อาคารสำนักงาน เซ็นทรัล พาร์ค ออฟฟิศเซส และศูนย์การค้าเซ็นทรัล พาร์ค จากองค์ประกอบเหล่านี้ โครงการดุสิต เซ็นทรัล พาร์ค จะกลายเป็นอสังหาริมทรัพย์ระดับเมกะโปรเจกต์ที่สามารถดึงดูดการลงทุนและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้มหาศาล
เว็บไซต์ ประกาศ ซื้อ ขาย บ้าน มือ1 มือ2 : Hubzoomer.com
ติดตามข่าวสาร รีวิวบ้านและคอนโด สาระน่ารู้ : Homezoomer.com