พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดแผน “Sole Agent” ชูกลยุทธ์พาร์ทเนอร์ชิพ แบบ 360˚
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เปิดแผน “Sole Agent” ชูกลยุทธ์พาร์ทเนอร์ชิพ แบบ 360˚
ตั้งเป้าบริหารงานขายขยายสู่ระดับกลาง-บน รองรับการเติบโตของตลาด
บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ในฐานะผู้นำในธุรกิจ Sole Agent (การให้บริการตัวแทนขายและทำการตลาด) เปิดกลยุทธ์ทางด้านธุรกิจ Sole Agent โดยมุ่งเน้นผู้ประกอบการ 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ กลุ่มบริษัทมหาชน และกลุ่มทุนต่างชาติ ซึ่งพลัสฯ ได้วางแผนต่อเนื่อง 3 ปี นับตั้งแต่ปี 2560 ในการเป็นพาร์ทเนอร์ร่วมกับลูกค้า เข้าไปมีส่วนร่วมมากกว่างานขาย โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รุ่นใหม่ที่ได้ไว้วางใจให้พลัสฯ เข้าไปมีส่วนร่วมตั้งแต่เริ่มต้นในการวางแผนพัฒนาโครงการ การเลือกกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่สอดคล้องกับทำเลโครงการ การสร้างแบรนด์ รวมถึงงานพัฒนาสินค้า การออกแบบ การนำฟังก์ชั่นที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้ตอบโจทย์กลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่และสามารถแข่งขันกับผู้ประกอบการรายใหญ่ได้ นอกจากนี้พลัสฯ ได้ใช้จุดแข็งด้าน Big Data นำเอาฐานข้อมูลเชิงลึกที่มีอยู่จำนวนมากมาช่วยวิเคราะห์กลยุทธ์ทางธุรกิจและงานขายให้เหมาะสมกับกุล่มลูกค้า จนในช่วงที่ผ่านมา พบว่าประสบความสำเร็จในหลายโครงการ อาทิ โครงการคอนโดมิเนียม ดุสิตดีทู เรสซิเดนเซส หัวหิน ของกลุ่มบริษัทเอ็นริช, โครงการคอนโดมิเนียมโมนีค สุขุมวิท 64 บริษัท ซันเคียวโฮม และเคฮัง เรียลเอสเตท กลุ่มทุนจากประเทศญี่ปุ่น, โครงการซีเอกมัย และล่าสุดโครงการคอนเนอร์ ราชเทวี ของเดอะครีเอเตอร์ส เอชคิว
สำหรับปี 2561 นี้ กลุ่มลูกค้าเดิมที่มีแผนเปิดโครงการใหม่ก็ยังคงใช้บริการพลัสฯ อย่างต่อเนื่อง อาทิ ซันเคียวโฮมและเคฮัง เรียลเอสเตท ที่ล่าสุดได้เปิดโครงการ The FINE Bangkok ทองหล่อ-เอกมัย โดยมีพลัสฯ เป็นผู้ดูแลบริหารงานขายและการตลาด และยังมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มในย่านสุขุมวิท ภายใต้การบริหารงานขายโดยพลัสฯ เช่นเดิม จากจุดนี้พลัสฯ ได้เข้าไปช่วยทำการวิเคราะห์ถึงศักยภาพของลูกค้าและทำเลโครงการ เพื่อหาโอกาสในการเติบโตอย่างให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นเป้าหมายในการให้บริการที่เป็นมากกว่า Sole Agent โดยใช้กลยุทธ์ในการเป็นพาร์ทเนอร์แบบ 360˚ ที่มีส่วนช่วยให้ลูกค้าเติบโตไปข้างหน้า ด้วยทีมงานมืออาชีพและประสบการณ์ที่มีกว่า 20 ปี สู่การทำงานร่วมกัน ไม่ใช่เพียงบรรลุเป้าหมายที่ลูกค้าตั้งไว้เท่านั้น แต่ยังช่วยสร้าง Brand Value ให้กับบริษัทของลูกค้าอีกด้วย โดยการวิเคราะห์ตลาดและวางแผนกลยุทธ์เชิงลึก เพื่อพัฒนาโครงการให้มีจุดเด่นและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน
สำหรับเป้าหมายในการเป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้านั้น พลัสฯ ได้ตั้งเป้าในระยะ 3 ปี จะใช้กลยุทธ์การเป็นที่ปรึกษาขยายการพัฒนาโครงการเพื่อขาย จากโครงการในระดับ C, C+ ไปสู่กลุ่มตลาดบนมากขึ้น เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาดในเซกเมนต์นี้ ซึ่งจากเป้าหมายนี้เราได้เข้าไปมีส่วนร่วมให้ลูกค้ากลุ่มที่ประสบความสำเร็จจากโครงการแรก ก็มีหลายโครงการที่พลัสฯเข้าไปร่วมวิเคราะห์โครงการใหม่ที่มีศักยภาพให้ยกระดับพัฒนาโครงการใหม่ที่เจาะกลุ่มลูกค้าระดับ B ,B+ อย่างไรก็ตามแผนการขยับฐานลูกค้าของพลัสฯ นี้ มองที่ประโยชน์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเป็นหลัก โดยเข้าไปให้คำปรึกษาเพื่อพัฒนาโครงการเจาะตลาดในระดับที่สูงขึ้น ด้วยการสร้างความเข้าใจในด้านศักยภาพของทำเล และความต้องการของตลาด ตลอดจนการกำหนดราคา กลยุทธ์การขาย การตลาดที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงการสร้างมูลค่าเพิ่มให้โครงการเช่นการออกแบบ และการนำเทคโนโลยีมาใช้อำนวยความสะดวกในโครงการ ซึ่งจะส่งผลให้ยอดขายเป็นไปตามเป้าที่ผู้ประกอบการคาดหวัง
จากภาพรวมทางเศรษฐกิจดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 4 ปี 2560 ส่งผลให้ภาคอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจ Sole Agent ในปีนี้มีแนวโน้มที่ดีอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การที่ พลัสฯ เข้ามีไปส่วนร่วมในการวางกลยุทธ์ขยายตลาดไปสู่โครงการระดับบนมากขึ้นนั้น ถือเป็นการปรับการดำเนินงานให้สอดคล้องไปตามอุปทานของตลาด เนื่องจากภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นตลาดระดับบนที่เติบโตต่อเนื่อง
และได้ขยายตัวมาถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามในปี 2561 พบว่าไม่เพียงแต่ตลาดระดับบนเท่านั้นที่มีกำลังซื้อที่ดีแต่ตลาดระดับกลางก็เริ่มมีการขยายตัว ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการเติบโตด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมที่เริ่มเห็นเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น ทำให้การผู้บริโภคเริ่มมองเห็นทิศทางการเดินทางในอนาคตอันใกล้ที่สามารถเชื่อมโยงถึงกันอย่างครอบคลุม อีกทั้งภาครัฐยังมีการลงทุนด้านคมนาคมเชื่อมโยงหัวเมืองต่างๆ ทำให้ตัวเมืองขยายออกไป ซึ่งส่งผลดีโดยตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์
ในขณะเดียวกัน พลัสฯ ได้เตรียมตัวรองรับการแข่งขันและพัฒนาการทำงานของ Sole Agent ด้วยการยกระดับมาตรฐานการทำงานให้เป็น Sole Agent 360˚ พัฒนาศักยภาพของพนักงานขาย จากเดิมที่มีความเชี่ยวชาญในระดับท็อปให้แข็งแกร่งมากขึ้นด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เป็นเครื่องมือการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยมีแผนจะนำโปรแกรม Business Intelligence และ Data Analytics มาประยุกต์ใช้ในการทำงาน เพื่อวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกและนำมาแสดงผลให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่ายและชัดเจนขึ้น โดยจัดฝึกอบรมพนักงานขาย เพื่อส่งเสริมการขายและสร้างการเข้าใจตลาดในเชิงลึกมากขึ้น เดินหน้าขยายการให้บริการ Sole Agent ให้ครบวงจร ตั้งแต่ขั้นก่อนการพัฒนาโครงการ ขั้นบริหารงานขาย และมีแผนจะขยายการให้บริการหลังการขายด้วยทีมงานมืออาชีพอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีกลยุทธ์ใช้วิธีการขายที่หลากหลายและครอบคลุม เช่นการทำ Co-Agent เพื่อขยายฐานลูกค้าและสร้างโอกาสในการปิดการขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติ
ทั้งนี้ ธุรกิจ Sole Agent ของ พลัสฯ ณ เดือนกรกฎาคม 2561 มีลูกค้ารวม 13 โครงการ มูลค่าโครงการโดยประมาณอยู่ที่ 15,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมีโครงการใหม่เข้ามาเพิ่มในช่วงที่เหลือของปีอีกราว 3 โครงการ มูลค่ารวมอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท รวมทั้งปีคาดว่าจะมีจำนวนโครงการรวม 16 โครงการ มูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีสัดส่วนลูกค้ากลุ่มผู้ประกอบการรุ่นใหม่ 40% กลุ่มบริษัทมหาชน 30% และกลุ่มทุนต่างชาติ 30%