ฉนวนกันความร้อนวางบนฝ้า

เคล็ดลับเปลี่ยนบ้านร้อนให้เย็นด้วย ฉนวนกันความร้อน วางบนฝ้า

เคล็ดลับเปลี่ยนบ้านร้อนให้เย็น

ด้วยฉนวนกันความร้อนวางบนฝ้า

ใครว่าประเทศไทยมี 3 ฤดู คือ ร้อน ฝน หนาว จริง ๆ แล้วที่มี 3 ฤดูเหมือนจะเป็น ร้อน! ร้อน!! ร้อน!!! ซะมากกว่า เพราะพอถึงฤดูหนาวก็ไม่หนาวและพอเข้าฤดูร้อนก็ยิ่งร้อนมากขึ้นทวีคูณ โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายนนะ! บอกเลยว่าไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ (แอร์) ก็แทบจะอยู่บ้านไม่ได้เลย…นั่นก็เพราะประเทศไทยนั้น เป็นประเทศที่ตั้งอยู่ในเขตร้อนซึ่งอยู่ใกล้กับเส้นศูนย์สูตรโลก ทำให้ภูมิอากาศของประเทศไทยมีลักษณะร้อนชื้นหรือร้อนอบอ้าวอย่างที่ใคร ๆ รู้สึก แต่การเปิดเครื่องปรับอากาศนั้นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุเพราะถึงจะช่วยให้หายร้อนได้แต่ก็ชั่วคราวเท่านั้น แถมพอบิลค่าไฟมาก็ทำเอาเข่าแทบทรุด ฉะนั้นวันนี้ #Homezoomer จะมาแนะนำวิธีแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างถูกต้อง นั่นก็คือการติดตั้ง “ฉนวนกันความร้อน” วางบนฝ้านั่นเอง

ฉนวนกันความร้อนวางบนฝ้า

ฉนวนกันความร้อน คือ วัสดุที่มีความสามารถในการสกัดกั้นความร้อนไม่ให้ส่งผ่านจากด้านใดด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งได้ง่าย ซึ่งที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว บ้านแฝด หรือทาวน์โฮม ทั้งเก่าและใหม่ ก็มักจะเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนลักษณะวางบนฝ้า เพื่อช่วยในการป้องกันความร้อนจากภายนอกเข้าสู่ภายในตัวบ้าน สามารถลดอุณหภูมิได้มากกว่า 3 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับบ้านที่ไม่ติดฉนวนกันความร้อนเลย ซึ่งการลดลงของอุณหภูมินั้นทำให้มีส่วนช่วยให้เครื่องปรับอากาศทำงานน้อยลงและไม่เปลืองค่าไฟนั่นเอง

ฉนวนกันความร้อนวางบนฝ้า

ฉนวนกันความร้อนที่ดีจะต้องทำหน้าที่ต้านทานหรือป้องกันไม่ให้พลังงานความร้อนส่งผ่านจากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ่งได้สะดวก จึงอยากจะมาแชร์เทคนิคในการเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนวางบนฝ้ากับเพื่อน ๆ เพื่อให้เพื่อน ๆ ได้เลือกใช้ได้อย่างถูกต้อง ได้แก่

  1. กันความร้อนได้ดีสังเกตได้จากค่า R หรือค่าการต้านทานความร้อน (ค่ายิ่งมากยิ่งดี)
  2. วัสดุปิดผิวฉนวนหุ้มด้วยอลูมิเนียมฟอยล์รอบด้าน ช่วยสะท้อนรังสีความร้อนได้ดี
  3. ความหนาของฉนวน มีผลทำให้ต้านทานความร้อนได้เพิ่มขึ้น
  4. เนื้อฉนวนต้องมีคุณสมบัติ ไม่ติดไฟ ไม่ลามไฟ ตามมาตรฐาน EN 13501-1 Class A1
  5. ไม่ก่อให้เกิดเชื้อรา และ ไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์

ฉนวนกันความร้อนวางบนฝ้า

ฉนวนกันความร้อนมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ผลิต ได้แก่ ฉนวนโฟม PU PE EPS PIR  , ฉนวนใยแก้ว และฉนวนใยหิน  แต่ที่นิยมนำมาใช้ในบ้านเรือน สำหรับวางบนฝ้า จะใช้เพียงแค่ 2 ชนิดเท่านั้น คือ ฉนวนใยแก้ว Glass Wool และฉนวนใยหิน ROCKWOOL ฉนวน 2 ประเภทนี้ ได้รับการรับรองจาก IARC ว่าปลอดภัยต่อผู้ใช้งาน ไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งตัวฉนวนใยหิน ROCKWOOL เป็นวัสดุที่ไม่ติดไฟ ไม่ลามไฟ ไม่ใช่แร่ใยหิน (Non-Asbestos) และมีคุณสมบัติในการกันเสียงรบกวนได้อีกด้วย

ลักษณะของฉนวนวางบนฝ้า ใยหิน และ ใยแก้ว ที่จำหน่ายในตลาดจะมีลักษณะเป็นม้วน และขนาดมาตรฐาน ดังนี้

  1. กว้าง 0.6 เมตร ยาว 4 เมตร (พื้นที่ 2.4 ตารางเมตร ต่อม้วน)
  2. ความหนา 75 มิลลิเมตร
  3. วัสดุปิดผิว ด้วยอลูมิเนียมฟอยล์

การติดตั้งสามารถทำได้โดยง่ายเนื่องจากขนาดที่เป็นมาตรฐาน เพียงแค่ปูฉนวนไปตามแนวของฝ้า ถ้ามีรอยฉีกขาดระหว่างการปูสามารถซ่อมแซมได้ด้วยเทปอลูมิเนียมฟอยล์ ซึ่งปัจจุบันนี้ สามารถหาช่างปูฉนวนบนฝ้าได้ทั่วไป โดยราคาค่าแรงการปูโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 80-200 บาท ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขแต่ละบริษัท

ฉนวนกันความร้อนวางบนฝ้า

การคำนวนการใช้งาน (จำนวนม้วน)

ยกตัวอย่างเช่น

นาย รักเย็น  ต้องการปูฉนวนกันความร้อนบนฝ้า ซึ่งขนาดฝ้าของบ้านนาย รักเย็น คือ กว้าง 4 เมตร ยาว 12 เมตร ดังนั้นพื้นที่รวมฝ้าเพดาน ของบ้าน นาย รักเย็น จะอยู่ที่ (4ม. X 12ม.)= 48 ตารางเมตร

สูตรการคำนวณการใช้ฉนวนบนฝ้า ของบ้าน นาย รักเย็น

48 ตารางเมตร

_______________             =    20 ม้วน

2.4 ตารางเมตร

 

ติดตามเพจและเว็บไซต์ ROCKWOOL คลิก.

FB : https://www.facebook.com/rockwoolthailand/

website (Blog) : https://www.rockwoolth.com/rockchill/

 

เรียบเรียงโดย Homezoomer

เว็บไซต์ ประกาศ ซื้อ ขาย บ้าน มือ1 มือ2 :  Hubzoomer.com

ติดตามข่าวสาร รีวิวบ้านและคอนโด สาระน่ารู้ : Homezoomer