ทำเลและการเดินทาง

The Rich Rama 9 – Srinakarin Triple Station (เดอะ ริช พระราม 9-ศรีนครินทร์ ทริปเปิ้ล สเตชั่น) ตำแหน่งของโครงการจะติดกับถนนใหญ่ศรีนครินทร์  และสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ ระยะห่างเพียง 120 เมตร และ 0 เมตรจากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สถานีพัฒนาการ ที่มีกำหนดเปิดบริการในอนาคต ช่วงตุลาคม ปี 2564 ทำเลในย่านศรีนครินทร์ และพัฒนาการ จะมีทั้งโซนแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งงาน ห้างสรรพสินค้า ร้านค้า สถานศึกษา สถานพยาบาล ฯลฯ โดยถนนศรีนครินทร์จะมีความสะดวกในการเดินทางไปยังโซนสำคัญๆใกล้เคียง อย่างโซนพระราม 9 รามคำแหง เสรีไทย ลาดพร้าว บางกะปิ ไปจนถึงสุขาภิบาลทะลุออกไปยังถนนนวมินทร์ได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว นอกจากนั้นแล้วถนนศรีนครินทร์ยังตัดกับถนนอ่อนนุช ,อุดมสุข สุขุมวิทช่วงตอนปลาย ผ่านบางนา-ตราดยาวจนไปสุดช่วงสมุทรปราการ

ที่ตั้งของโครงการจะตั้งอยู่บนถนนศรีนครินทร์ เป็นถนนที่ตัดกับถนนเส้นสำคัญ อย่าง (ขาเข้า) ถนนพัฒนาการ ที่เป็นถนนเชื่อมต่อกับถนนเพชรบุรี ซึ่งจะเป็นถนนเส้นหลักในการเดินทางเข้าไปยังกรุงเทพชั้นในโดยถนนเพชรบุรีที่ต่อมาจากถนนพัฒนาการจะตัดกับถนนสำคัญอย่าง เอกมัย-ทองหล่อ อโศก ผ่านประตูน้ำ พญาไท และไปสิ้นสุดช่วงยมราช หรือ (ขาออก) ไปทางถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เชื่อมต่อไปถนนกาญจนาภิเษก ถนนลาดกระบัง ถนนกิ่งแก้ว ถนนร่มเกล้าไปจนถึงสุวรรณภูมิได้ สำหรับผู้ที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก ในเวลาเร่งด่วน สามารถใช้ทางพิเศษศรีรัช ช่วงด่านพระราม 9  และ การเดินทางออกนอกเมืองไปทางภาคตะวันออกเฉียงใต้ สามารถใช้ทางด่วนพิเศษ มอเตอร์เวย์ กรุงเทพ-ชลบุรี เดินทางไปสู่ ลาดกระบัง, ฉะเชิงเทรา พัทยา ชลบุรีได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในเส้นทางปัจจุบันสามารถเลือกใช้รถไฟฟ้าแอร์พอรต์ลิงค์ (พญาไท-สุวรรณภูมิ) ขาออกไปยังสถานีปลายทาง คือ สนามบินสุวรรณภูมิ หรือจะเข้าไปยังกรุงเทพชั้นใน โดยสามารถInterchange ไปยังรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ได้ที่สถานีมักะสัน เปลี่ยนสายไปเป็น MRT สายสีน้ำเงิน สถานีเพชรบุรี หรือใครจะนั่งเลยจนไปสุดที่สถานีพญาไทซึ่งสถานีพญาไทจะเป็นจุด Interchange กับรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว (สุขุมวิท) สถานีพญาไท เนื่องจากโครงการอยู่ในแหล่งที่มีความเจริญทางด้านต่าง ๆ  อีกทั้งมีที่พักอาศัยเป็นจำนวนมากทำให้ทำเลในบริเวณโซนนี้มีร้านค้า ร้านอาหาร และอื่น ๆ ซึ่งแหล่งอำนวยความสะดวกจะอยู่ในบริเวณใกล้เคียงโครงการทั้งสิ้น อาทิเช่นห้างสรรพสินค้า Community mall อย่าง MaxValu, Lotus พัฒนาการ, ตลาดเอี่ยมสมบัติ, The Nine, Season Square, Paradise Park, ตลาดนัดรถไฟ และ The Mall บางกะปิ

การเดินทางในวันนี้จะเริ่มที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ขับตรงไปเรื่อย ๆ ตามเส้นทาง จะผ่านสี่แยกคลองตันเพื่อเข้าสู่ถนนพัฒนาการ

ใช้ถนนพัฒนาการเป็นหลัก มุ่งหน้าไปที่สี่แยกพัฒนาการ

เมื่อถึงสี่แยกพัฒนาการให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนศรีนครินทร์

ขับตรงไปบนถนนศรีนครินทร์ โครงการจะอยู่ทางขวามือ  ปัจจุบันตลอดเส้นทางกำลังมีการก่อสร้างรถไฟฟ้า เราจึงต้องไปกลับรถค่ะ

หลังจากกลับรถมาแล้ว เมื่อใกล้ถึงสถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ (ด้านซ้าย) ให้เราเตรียมตัวชิดซ้ายไว้ เมื่อจะข้ามทางรถไฟ จะสังเกตเห็น Sales gallery อยู่ไม่ไกล ประมาณ 150 เมตร

Sales gallery ของโครงการจะอยู่ติดกับถนนใหญ่ เลี้ยวซ้ายเข้าไปได้เลยค่ะ

โครงการ The Rich Rama 9 – Srinakarin (เดอะ ริช พระราม9-ศรีนครินทร์) ตั้งอยู่บนพื้นที่ ประมาณ 0 -2-52 ไร่ ทางเข้าโครงการอยู่ทางทิศตะวันตก ติดถนนใหญ่ศรีนครินทร์ และในอนาคตโครงการยังติดรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีพัฒนาการ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในตอนนี้ (คาดว่าจะเปิดให้บริการปี 2564) ส่วนด้านหลังของโครงการทางทิศตะวันออกจะอยู่ติดกับโครงการ The Rich Park @Triple Station เป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่ในส่วนของทิศเหนือจะเป็นรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์สถานีหัวหมาก

1^st Floor Plan เข้ามาภายในโครงการบริเวณด้านหน้าจุด Drop off จะมี Community mall  3 ชั้น เปิดให้บริการสำหรับผู้พักอาศัยถ้าดูจาก Floor Plan โครงการจะออกแบบให้ห้องพักอาศัย อยู่ทางทิศเหนือ และทิศใต้เท่านั้น ดังนั้นห้องพักอาศัยจะไม่โดนแดดโดยตรงในช่วงบ่าย และด้านในสุดจะเป็นพื้นที่สวนส่วนกลางไว้สำหรับนั่งพักผ่อน

2^nd – 8^th Floor Plan จะเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถ สามารถจอดได้ประมาณ 40 %(รวมซ้อนคัน)

9^th Floor Plan : จะเป็นชั้นของFaculityและห้องพักอาศัยก็จะเริ่มต้นตั้งแต่ชั้นนี้ ถ้าดูจาก Floor Plan โซนของห้องพักอาศัยจะอยู่ไปทางทิศใต้ มีจำนวนยูนิตทั้งสิ้น 7 ยูนิตขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 25.46 – 45.64 ตร.ม เริ่มจาก

ทิศเหนือ : ห้อง LOFT แบบ 2 Bedroom มีจำนวนทั้งหมด 3 ยูนิต

ห้อง G-1 ขนาดพื้นที่ 37.42 ตร.ม. , ห้อง G-1M ขนาดพื้นที่ 37.72 และ ห้อง H-1M ขนาดพื้นที่ 45.64 ตร.ม

ทิศใต้ :  ห้อง LOFT แบบ 1 bedroom ทั้งหมด 4 ยูนิต ขนาดพื้นที่เริ่มต้นตั้งแต่ 25.81 -26.68 ตร.ม.

สำหรับ Faculityที่อยู่บนชั้นที่ 9 ได้แก่ Swimming pool เป็นระบบเกลือ มีความยาวประมาณ 40 เมตร วิวที่ได้ขณะว่ายน้ำนั้นจะเป็นวิว  Airport Link, Co-working, Lounge, Game room, Fitness Room, Co-kitchen, Laundry และห้องน้ำแยกชาย-หญิง

10^th – 24^thFloor Plan: ห้องพักอาศัยจะเฉลี่ยอยู่ชั้นละ 26 ยูนิตโดยจะเป็นห้อง MONO แบบ 1 Bedroom เหมือนกันทั้งหมด ซึ่งตำแหน่งของลิฟท์โดยสารที่มีจำนวน 3 ตัว และ Service lift 1 ตัว จะอยู่ตรงกลางของอาคาร ทำให้ระยะการเดินไปยังห้องพักอาศัยทั้งทางทิศเหนือ และใต้ มีระยะการเดินพอๆกัน

จากภาพแปลนแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝั่ง ด้านหน้า (ทิศตะวันตก) มีทั้งหมด 11 ยูนิต ด้านหลัง (ทิศตะวันออก) มีทั้งหมด 15 ยูนิต เราจะเริ่มจากด้านซ้าย (ทิศตะวันตก) กันก่อนนะคะ

อาคารด้านหน้ายูนิตหันไปทิศเหนือ วิ วรถไฟฟ้า: มีจำนวนยูนิตทั้งสิ้น 5 ยูนิต เป็นแบบ 1 Bedroom Plus แบ่งเป็นType Bจำนวน 4 ยูนิต ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 29.59-29.98 ตร.ม. และห้องมุมจำนวน1 ยูนิต เป็น Type C-2ขนาด 36 .06 ตร.ม.

อาคารด้านหน้ายูนิตหันไปทิศใต้  : มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 6 ยูนิต เป็นแบบ 1 Bedroom โดยแบ่งเป็นType A จำนวน 5 ยูนิต ขนาด 25.91-26.82 ตร.ม. และห้องหัวมุม 1 ยูนิต Type C -1M ขนาด 35.23 ตร.ม.

อาคารด้านหลังยูนิตหันไปทิศเหนือ วิวรถไฟฟ้า : มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 7 ยูนิต เป็นแบบ 1 Bedroom Plus Type B มีจำนวน 6 ยูนิต ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่29.67-32.21 ตร.ม. และห้องมุม1 ยูนิต เป็นห้องแบบType C-3M ขนาด 35.73 ตร.ม.

อาคารด้านหลังยูนิตหันไปทิศใต้ : มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 8 ยูนิต เป็นแบบ 1 Bedroom Plus ซึ่งจะเป็นห้อง Type Aเหมือนกันทั้งหมด ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 25.81-26.68 ตร.ม.

25^th–29^th Floor Plan : จะมีห้องพักอาศัยเฉลี่ยชั้นละ 26 ยูนิต การวางผังห้องจะเหมือนกับชั้น 10-24 แต่แบบของห้องพักอาศัยจะเปลี่ยนเป็นห้องแบบLOFT ทั้งหมด ซึ่งมีทั้งแบบ 1 Bedroomที่หันไปทางทิศใต้ และแบบ 2 Bedroomหันไปทางทิศเหนือดูจาก Floor Plan อาคารด้านหน้าจะจำนวนยูนิตจะมีทั้งหมด 11 ยูนิต อาคารด้านหลังมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 15 ยูนิต

อาคารด้านหน้า ยูนิตหันไปทิศเหนือ วิวรถไฟฟ้า: มีจำนวน 5 ยูนิต ซึ่งจะเป็นแบบ 2  Bedroom โดยแบ่งเป็น ห้องแบบType E  (ฟ้าอ่อน) จำนวน 4 ยูนิต ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 29.59-29.98 ตร.ม. และห้องมุมจำนวน 1 ยูนิต เป็นห้องแบบ Type F-2 (เทาเข้ม)เป็นห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 36 .06 ตร.ม.

อาคารด้านหน้า ยูนิตหันไปทิศใต้: มีจำนวนอยู่ 6 ยูนิต เป็นแบบ 1 Bedroom โดยแบ่งเป็น ห้องแบบType D (น้ำเงิน) มีจำนวน 5 ยูนิต ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 25.91-26.82 ตร.ม. และห้องมุมจำนวน 1 ยูนิต และห้อง Type F-1M (เทาเข้ม) แบบ 2 Bedroom  ขนาดของห้องจะอยู่ที่ 35.23 ตร.ม.

อาคารด้านหลังยูนิตหันไปทิศเหนือ วิวรถไฟฟ้า: มีจำนวนยูนิตทั้งสิ้น 7 ยูนิต เป็นแบบ 1 BedroomType E (ฟ้าอ่อน) จำนวน 6 ยูนิต ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 29.67-32.21 ตร.ม. และห้องมุมอีก 1 ยูนิต และTypeF-3M (เทาเข้ม) แบบ 2 Bedroom  ขนาด 35.73 ตร.ม.

อาคารด้านหลังยูนิตหันไปทิศใต้: จำนวน 8 ยูนิต เป็นแบบ 1 Bedroom Type D (น้ำเงิน) ทั้งหมด มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 25.81-26.68 ตร.ม.

30^th Floor Plan:  มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 10 ยูนิตด้วยกัน เป็นห้องแบบ LOFT ทั้งหมด จะอยู่ที่อาคารด้านหน้าเท่านั้น เชื่อมต่อกับสวนนั่งพักผ่อนบนชั้น Roof top ซึ่งจะเป็นชั้นสูงสุดของอาคารด้านหลัง

 อาคารด้านหน้า ยูนิตหันไปทิศเหนือ: มีจำนวน 5 ยูนิต แบบ 2  Bedroom โดยแบ่งเป็น ห้อง Type E  (ฟ้าอ่อน) จำนวน 4 ยูนิต ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 29.59-29.98 ตร.ม. และห้องหัวมุมจำนวน 1 ยูนิต Type F-2 (เทาเข้ม) เป็นห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 36 .06 ตร.ม.

อาคารด้านหน้า ยูนิตหันไปทิศใต้ : มีจำนวน 5 ยูนิต แบบ 1 Bedroom โดยแบ่งเป็น ห้อง Type D (น้ำเงิน) จำนวน 4 ยูนิต ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 25.91-26.82 ตร.ม. และห้องหัวมุมจำนวน 1 ยูนิต Type F-1M (เทาเข้ม) แบบ 2 Bedroom  ขนาด 35.23 ตร.ม.

31^th–32^th Floor Plan: จะเป็นในส่วนของอาคารด้านหน้า ซึ่งมีความสูง 32 ชั้น ในแต่ละชั้นมีห้องพักอาศัย เฉลี่ยชั้นละ 10 ยูนิต เป็นห้องแบบ LOFT  ทั้งหมด

อาคารด้านหน้า ยูนิตหันไปทิศเหนือ: มีจำนวน 5 ยูนิต ซึ่งจะเป็นแบบ 2  Bedroom  โดยแบ่งเป็น ห้อง Type E  (ฟ้าอ่อน) จำนวน 4 ยูนิต มีขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 29.59-29.98 ตร.ม. และห้องหัวมุมจำนวน 1 ยูนิต เป็นห้องแบบ Type F-2 (เทาเข้ม) ห้องแบบ 2 Bedroom ขนาด 36 .06 ตร.ม.

อาคารด้านหน้า ยูนิตหันไปทิศใต้ : มีจำนวน 5 ยูนิต แบบ 1 Bedroom โดยแบ่งเป็น ห้องแบบ Type D (น้ำเงิน) มีจำนวน 4 ยูนิต ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 25.91-28.01 ตร.ม. และห้องหัวมุมจำนวน 1 ยูนิต Type F-1M (เทาเข้ม) แบบ 2 Bedroom  ขนาด 35.23 ตร.ม

ห้อง MONO แบบ 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 25.61 – 28.19 ตร.ม.

ห้อง 1 Bedroom ที่มีลักษณะคล้ายกับห้องแบบ Studio แต่มีข้อแตกต่างตรงที่เมื่อเข้าภายในห้อง ส่วนแรกบริเวณด้านหน้าจะเป็นพื้นที่ครัวปิด กั้นด้วยประตูกระจกใสแบบบานเลื่อน โดยที่เราไม่ต้องต่อเติมเพิ่มในภายหลังเพราะทางโครงการจะติดตั้งมาให้พร้อมกับห้องที่ส่งมอบ สามารถประกอบอาหารที่มีกลิ่นได้แบบไม่ต้องกังวลว่ากลิ่นต่าง ๆ จะกระจายไปทั่วห้องซึ่งโครงการ Built -in เคาน์เตอร์ครัว และตู้เก็บของไว้บริเวณด้านหน้าของห้อง ซึ่งจะมีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นได้พอดี ถัดเข้าไปจะเป็นส่วนLiving areaและห้องนอน เหมือนกับห้องแบบ Studio ทั่วไป โครงการจัดเตรียมฐานเตียงนอนพร้อมฟูก ขนาด 5 ฟุต และ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ให้ ส่วนเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ อย่าง โซฟา โต๊ะรับประทานอาหาร โต๊ะชั้นวางของ สามารถจัดแต่งตามสไตล์ที่ชอบด้วยตัวเอง จะต้องหาขนาดที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่ ส่วนสุดท้ายจะเป็นห้องน้ำภายในมีแยกส่วนแห้งส่วนเปียก ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำไว้ให้เรียบร้อย

ห้อง MONO แบบ 1 Bedroom Plus ขนาดพื้นที่ 29.20– 35.68 ตร.ม.

เมื่อผ่านประตูเข้ามาจะเป็นพื้นที่ครัวซึ่งห้องแบบนี้จะเป็นครัวเปิดโดยBuilt-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้เรียบร้อย ซึ่งสามารถต่อเติมฉากกั้นแบบบานเลื่อนในภายหลังได้ ซึ่งจะแบ่งพื้นที่ใช้งานออกเป็นสัดสวนชัดเจน ห้องน้ำแยกส่วนแห้งเปียกพร้อมติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำ พื้นที่ Living area และ Dining area จัดไว้อยู่ในโซนเดียวกัน ส่วนพื้นที่เอนกประสงค์ติดตั้งประตูบานเลื่อนกั้นฉากไว้เรียบร้อย สำหรับปรับเปลี่ยนเป็นมุมนั่งพักผ่อน อ่านหนังสือ หรือทำเป็นห้องทำงานไดตามการใช้งาน ส่วนห้องนอนจะเชื่อมต่อกับระเบียง Built-in เตียงนอนพร้อมฟูก 5 ฟุต และตู้เสื้อผ้า ยังเหลือพื้นที่สำหรับจัดวางโต๊ะวางของ หรือโต๊ะเครื่องแป้งได้ขนาดกลาง ๆ

ห้อง LOFT  แบบ 1 Bedroom ขนาดพื้นที่ 25.27– 28.33 ตร.ม.

ภายในห้องได้เป็นครัวปิดBuilt-in เคาน์เตอร์ครัว และตู้เก็บของที่อยู่บริเวณหน้าห้องไว้ให้ด้วย พื้นที่ครัวจะมีความสูง Floor to celing 2.20 เมตร เชื่อมไปจนถึงบริเวณ Dining area ที่มีพื้นที่สำหรับจัดวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 2-4 ที่นั่งได้ตามการใช้งาน ภายในห้องน้ำแยกส่วนแห้งเปียกโดยติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำไว้ให้ พื้นที่ใต้บันไดทางขึ้นชั้น 2 ออกแบบให้มีห้องเก็บของไว้สำหรับเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ คล้ายบ้านเดี่ยว  สำหรับพื้นที่ Living area นั้นจะมีความสูง  Floor to celing อยู่ที่ 4.40 เมตรเชื่อมต่อไปจนถึงห้องนอนที่อยู่บนชั้น 2 มีพื้นที่ใช้งานที่กว้าง สามารถจัดวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ หรือที่นั่งโซฟาเดี่ยวได้ ทางด้านมุมทีวีสามารถ Built-in ชั้นวางทีวี ตู้วางของเพิ่มเติม โดยที่ยังเหลือระยะทางเดินรอบ ๆ ได้สะดวก  เชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงเล็ก ไว้สำหรับจัดวางเครื่องซักผ้าทำเป็นพื้นที่ซักล้าง ขึ้นมาที่บริเวณชั้น 2 มีพื้นที่ใช้สอย 11.39 ตร.ม. ชั้นด้านบนนี้จะจัดเป็นส่วนของห้องนอนโดยเฉพาะ ซึ่งทางโครงการได้จัดเตรียมเฟอร์นิเจอร์อย่าง ฐานเตียงพร้อมฟูกขนาด 5 ฟุต และ Built-in ตู้เสื้อผ้า ไว้ให้เรียบร้อย ซึ่งยังมีพื้นที่ให้จัดวางโต๊ะเครื่องแป้ง หรือตู้ชั้นวางของเล็ก ๆ เพิ่มเติมได้

ห้อง LOFT  แบบ 2 Bedroom ขนาดพื้นที่ 29.43– 45.04 ตร.ม.

ห้อง LOFT แบบ 2 Bedroom จะมีข้อแตกต่างจาก ห้อง LOFT แบบ 1 Bedroom ตรงที่เมื่อเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง จะพบกับความสูง Floor to celing 4.40 เมตร ตั้งแต่พื้นที่ครัวเชื่อมต่อไปจนถึงพื้นที่ Living area ที่บริเวณพืนที่ชั้น 1 มีลักษณะคล้ายกับห้องMONO แบบ 1 Bedroom ทั่วไป คือ มีพื้นที่ครัวเปิด, Dining area จัดวางโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่ง, พื้นที่ Living area เชื่อมต่อกับระเบียงด้านนนอกที่จัดเป็นพื้นที่ซักล้าง ส่วนห้องนอนที่ชั้นล่างสามารถวางเตียงขนาดคิงส์ไซส์ และเฟอร์นิเจอร์หลักอื่น ๆ อย่างตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้งได้ครบ จะอยู่ติดกับห้องน้ำใช้งานได้สะดวก ซึ่งภายในห้องน้ำจะติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำไว้แยกส่วนแห้งเปียก สำหรับบันไดทางขึ้นไปยังพื้นที่ห้องนอนด้านบนที่ชั้น 2 จะอยู่ด้านขวามือที่บริเวณด้านหน้าประตูหน้าห้อง มีห้องเก็บของที่ใต้บันไดเช่นกัน โซนห้องนอนด้านบน มีพื้นที่ใช้สอย 13.70 ตร.ม. ทางโครงการได้จัดเตรียม Built-in เตียงนอน ขนาด 5 ฟุตพร้อมฟูก และตู้เสื้อผ้าไว้ที่บริเวณพื้นที่ด้านมุมให้ใช้งานจัดเป็นมุมแต่งตัว สามารถจัดวางโต๊ะเครื่องแป้งที่มีขนาดพอดีกับพื้นที่

เรามาเริ่มชมโครงการ The Rich Rama 9 – Srinakarin Triple Station (เดอะ ริช พระราม 9–ศรีนครินทร์ ทริปเปิ้ล สเตชั่น)  Sales Galley จะตั้งอยู่ด้านหน้าสุดของโครงการ ตัวโครงการเองจะอยู่ติดกับถนนใหญ่ศรีนครินทร์ ซึ่งที่นี่เปิดให้เข้าเยี่ยมชมโครงการได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 9.00-17.00 น.

เข้ามาภายใน Sales gallery ปัจจุบันมีห้องตัวอย่างให้ชมทั้งหมด 3 ห้องได้แก่ ห้อง MONO 1 Bedroom Plus ขนาด 29.28 ตร.ม. , ห้อง LOFT แบบ 1 Bedroom ขนาด 25.77 ตร.ม. และ ห้อง LOFT แบบ 2 Bedroom ขนาด 29.41 ตร.ม. เดี๋ยวจะพาไปชมห้องตัวอย่างครบทั้ง 3 แบบค่ะ

ก่อนจะไปชมห้องตัวอย่าง เรามาดูโมเดลภาพรวมทั้งหมดของโครงการกันก่อนค่ะ โครงการ เดอะ ริช พระราม 9–ศรีนครินทร์ ทริปเปิ้ล สเตชั่น คอนโดมิเนียม High rise ความสูง 32 ชั้น คาดว่าแล้วเสร็จในเดือนมิถุนายนปี 2564 ทางเข้าโครงการติดถนนใหญ่ศรีนครินทร์ และมีจุดเด่นที่ทำเล ระยะห่าง 0 เมตร จากรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีพัฒนาการ ซึ่งอยู่ระหว่างงการก่อสร้าง

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว–สำโรง) ตัวสถานีพัฒนาการ จะอยู่ด้านหน้าโครงการพอดี ถือว่าเป็นจุดเด่นสำคัญของที่นี่ โดยรถไฟฟ้าสายสีเหลืองมีกำหนดการเปิดให้บริการประมาณ 2564

เข้ามาภายในโครงการแล้ว จะเจอจุด Drop off เป็นอันดับแรก ถัดเข้าไปด้านในอาคารจะเป็นในส่วน Lounge Lobby ซึ่งในจุดนี้หลังสร้างเสร็จพื้นที่ด้านหน้าจะเป็น Commumity mall สูง 3 ชั้น ประกอบไปด้วยร้านค้าต่าง ๆ กว่า 20 ร้านค้าด้วยกัน

ด้านนี้จะเป็นอาคารทางด้านทิศใต้ของโครงการซึ่งจะอยู่ติดกับโรงแรม Zayn Hotel Bangkok ที่มีความสูง 9 ชั้น เพราะฉะนั้นจะไม่มีอะไรมาบังวิวทางฝั่งทิศใต้ แต่ถ้าลองสังเกตดีๆ การออกแบบของอาคารด้านหน้าจะหันไปทิศตะวันตกเฉียงใต้ จะไม่หันไปทิศใต้ตรงๆ เพื่อที่ห้องพักจะได้วิวที่โล่งและได้วิวเมืองเต็มๆ

ต่อไปเป็นมุมมองทางทิศเหนือจะอยู่ทางฝั่งรถไฟฟ้าแอร์พอตลิ้ง สถานีหัวหมาก อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 120 เมตร วิวที่ได้จะเป็นเส้นรถไฟฟ้า และMotorway กรุงเทพ – ชลบุรี

จะเห็นสระว่ายน้ำแบบ Out-door จะอยู่ที่ชั้น 9 ซึ่ง Facility ต่าง ๆ ของโครงการ จะรวมกันอยู่ในชั้นนี้

สระว่ายน้ำที่นี่เป็น ระบบเกลือ มีความยาวประมาณ 40 เมตร พร้อมที่นั่งพักผ่อนริมสระ

โครงการจะแบ่งออกเป็น 2 อาคาร สูง 30 ชั้น (อาคารด้านหลัง) และ 32 ชั้น (อาคารด้านหน้า)

ชั้นที่ 30 ของอาคารด้านหลัง จะเป็นพื้นที่สวนสีเขียว ซึ่งพื้นที่บนชั้น Roof top นี้จะไว้สำหรับพักผ่อน และทำกิจกรรมกลางแจ้งต่าง ๆ

หลังจากที่เราได้ชมโมเดลภาพรวมโครงการกันไปแล้ว ต่อไปเราจะมาชมห้องตัวอย่างกันต่อค่ะ เริ่มกันที่ห้องแรก ทางโครงการ เรียกว่า ห้อง MONO เป็รห้องแบบ 1 bedroom Plus ขนาด 29.28 ตร.ม. พร้อมเฟอร์นิเจอร์ Fully Fitted (เคาน์เตอร์ครัว,เตียง 5 ฟุต,ตู้เสื้อผ้า,แอร์ Panasonic 2 ตัว ขนาด 9,000 BTU และ 12,000 BTU) มีความสูง Floor to ceiling 2.7 เมตร เมื่อเปิดประตูเข้ามา ภายในห้องส่วนแรก จะพบกับพื้นที่ครัว เชื่อมต่อกับพื้นที่ Living area และพื้นที่เอนกประสงค์ซึ่งอยู่บริเวณด้านในสุด

สำหรับพื้นที่ใช้งานในส่วนของห้องนอน และห้องน้ำ เมื่อเข้าห้องมาจะอยู่ทางด้านขวามือ

มองย้อนกลับไปที่ประตูทางเข้า ด้านหน้ามีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นขนาดใหญ่ได้พอดี

ประตูห้องจะเป็นวัสดุไม้สำเร็จรูป ผิวลามิเนตลายไม้ ติดตั้งกลอนประตู Digital door lock จากแบรนด์ HAFELE

ภายในห้องน้ำจะตกแต่งด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ในโทนสีเทาทั้งพื้น และผนัง แยกส่วนแห้งส่วนเปียกโดยการติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำให้ ดูเป็นสัดส่วนดีค่ะ เลือกใช้สุขภัณฑ์จากแบรนด์ American standard

เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้ามีช่องสำหรับวางอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ภายในห้องน้ำ

ก๊อกน้ำจากแบรนด์ American standard

ภายในพื้นที่อาบน้ำ ติดตั้งฝักบัวไว้ให้ใช้งานได้ทั้ง 2 แบบ Hand shower และ Rain shower จากแบรนด์ HAFELE

ฉากกั้นอาบน้ำ จากแบรนด์ CHARMER ผนัง และพื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแกรนนิตโต้ขนาด 60 x 60 ซม.

กลับมาดูทางพื้นที่ใช้งานด้านนอกกันต่อค่ะ ทางโครงการ Built-in เคาน์เตอร์ครัวไว้ให้เรียบร้อย จะเห็นว่ามีพื้นที่สำหรับจัดวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารจะมีขนาดที่นั่งได้ประมาณ 2 ที่นั่ง และชุดโซฟาซึ่งตกแต่งไว้ให้เป็นไอเดีย และดูระยะใช้งาน

เคาน์เตอร์ครัวติดตั้ง เครื่องดูดควัน , เตาไฟฟ้า 2 หัว และซิงค์ล้างจานจากแบรนด์ TEKA

ทั้งหน้าบานของชุดครัว และ Top ครัว เลือกใช้วัสดุจากหินสังเคราะห์ ปิดผิวไฮกรอส ซึ่งทนต่อรอยขีดข่วน และสารเคมีต่าง ๆ ได้ดี

Dining area มีพื้นที่สำหรับจัดวางชุดโต๊ะรับประทานอาหาร 2 ที่นั่งได้พอดีกับพื้นที่ แนะนำให้ติดตั้งโต๊ะอาหารแบบพับเก็บได้จะช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยได้ดีค่ะ

พื้นที่ติดกับชุดโต๊ะรับประทานอาหาร จัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลางขนาดเล็ก

สามารถ Built-in ชั้นวางทีวีในขนาดที่กำลังดี ซึ่งต้องคำนวนระยะการใช้งานให้เหมาะสมกับพื้นที่ด้วยนะคะ

ถัดเข้าไปจากพื้นที่ Living area จะเป็นห้องเอนกประสงค์ ทางโครงการแบ่งพื้นที่ด้วยการติดตั้งประตูกระจกแบบบานเลื่อน 3 ตอนให้เป็นสัดส่วน

พื้นที่เอนกประสงค์สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งาน เช่น ห้องทำงาน , ห้องอ่านหนังสือ, ห้องงานอดิเรกต่าง ๆได้ ติดตั้งหน้าต่างเกือบเต็มพื้นที่ สามารถรับแสงจากธรรมาติได้ดี

เข้ามาชมภายในห้องนอนกันต่อ ห้องนอนจะเชื่อมต่อกับพื้นทีระเบียงด้วย ทางโครงการ Built-in ฐานเตียงนอนพร้อมฟูก ขนาด 5 ฟุต และเครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 BTU จาก Panasonic หรือเทียบเท่า

ยังมีพื้นที่ว่างข้างหัวเตียง สามารถจัดวางโต๊ะเครื่องแป้ง หรือตู้ขนาดเล็กให้พอดีกับพื้นที่

พื้นที่ทางด้านปลายเตียง เหมาะกับการติดตั้งทีวีแบบติดผนัง ซึ่งห้องจริงเตรียมงานระบบให้เรียบร้อย

ตู้เสื้อผ้าหน้าบานกระจกใส ใช้งานแบบบานเลื่อนขนาดใหญ่ที่ทางโครงการ Built-in ไว้ให้ตามภาพ

พื้นที่ระเบียง เตรียมงานระบบสำหรับพื้นที่ซักล้าง สามารถวางเครื่องซักผ้าได้พอดี

ห้องตัวอย่างต่อไป จะเป็นห้อง LOFT รูปแบบ 1 Bedroom ขนาด 25.77 ตร.ม. พร้อมเฟอร์นิเจอร์ Fully Fitted (เคาน์เตอร์ครัว,เตียงนอน 5 ฟุต,ตู้เสื้อผ้า,ตู้เก็บรองเท้า,แอร์Panasonic ขนาด 18,000 BTU และ 12,000 BTU) ประตูทางเข้า ติดตั้ง Digital door lock ยี่ห้อ HAFELE

เมื่อเข้ามาในห้องจะพบพื้นที่ครัว ซึ่งโครงการมอบให้เป็นพื้นที่ครัวปิด กั้นด้วยประตูแบบบานเลื่อน

เคาน์เตอร์ครัวที่ทางโครงการ Built-in เตรียมไว้ให้ ติดตั้ง เครื่องดูดควัน, เตาไฟฟ้า และซิงค์ล้างจานที่มีฝาปิด จากแบรนด์ TEKA

กั้นพื้นที่ครัวด้วยฉากกั้นแบบบานเลื่อน 3 ตอน มีพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นขนาดใหญ่ และ Built-in ตู้เก็บของไว้บริเวณหน้าห้อง จากมุมนี้จะเห็นว่ามีระยะการใช้งานเหมาะสำหรับ 1-2 คน

ถัดเข้ามาจากพื้นที่ครัว จะเป็นพื้นที่ใช้งานส่วน Dining area เชื่อมต่อกับพื้นที่ Living area

สำหรับห้อง LOFT ความสูง Floor to ceiling 4.40 เมตร พื้นที่ Living area มีความโปร่ง โล่ง ชั้นด้านบนจะเป็นในส่วนของห้องนอน

จากมุมนี้ จะเห็นประตูห้องน้ำอยู่ที่ใต้บันไดทางขึ้นไปยังห้องนอน และมีห้องเก็บของ ประตูทรงสูงสำหรับเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ

ภายในห้องน้ำจะเหมือนกันทุกห้อง คือ มีพื้นที่อาบน้ำ กั้นฉากอาบน้ำแยกส่วนแห้งส่วนเปียก

ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำ จากแบรนด์ CHARMER

ติดตั้งฝักบัวใช้งานได้ทั้ง 2 แบบ Rain shower และ Hand shower  พื้นที่ด้านข้างทำเป็นชั้นวางอุปกรณ์ที่ใช้ในห้องน้ำ

ที่บันไดทางขึ้นชั้น 2 มีลิ้นชักที่ใต้ขั้นบันได ทำเป็นช่องเก็บของเพิ่มขึ้นมาไว้สำหรับเก็บอุปกรณ์ชิ้นเล็ก ๆ ได้

ราวจับบันไดใช้วัสดุสแตนเลสสีดำ พร้อมติดตั้งกระจก Safety ที่มีความหนา ทนทานต่อแรงกระแทก

มาดูกันที่พื้นที่ Living area มีพื้นที่ใช้งานค่อนข้างกว้าง สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ Built-in ชั้นวางทีวี หรือตู้วางของเสริมได้สบาย ๆ

พื้นที่ระเบียง มีความสูงเท่ากับห้อง 4.40 เมตร  คอนโซลแอร์จะติดตั้งด้านบนมีระแนงเหล็กสีดำไว้บดบังสยาตา และติดตั้งราวผ่ามาน 1 รางสำหรับผ้าม่านทึบ

ขั้นมาที่ชั้น 2 จะเป็นในส่วนของห้องนอน มีพื้นที่ใช้สอยประมาณ 11.39 ตร.ม.

พื้นกระเบื้องยาง Smart Polymer ซึ่งทนต่อรอยขีดข่วน และซ่อมแซมง่าย

ชั้นด้านบนมีขนาดที่เหมาะสำหรับห้องนอนกำลังดี ซึ่งทางโครงการ Built-in เตียงนอนพร้อมฟูก ขนาด 5 ฟุต และตู้เสื้อผ้าหน้าบานกระจกตามภาพไว้ให้เรียบ ซึ่งมีพื้นที่สำหรับเฟอร์นิเจอร์อื่น ๆ อย่างโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะวางของอื่น ๆ ที่มีขนาดพอดีกับพื้นที่ได้

ต่อไปเราจะมาดูห้อง LOFT รูปแบบ 2  Bedroom กันบ้างค่ะ ขนาดพื้นที่ 25.77 ตร.ม. พร้อมเฟอร์นิเจอร์ Fully Fitted (เคาน์เตอร์ครัว,เตียงนอน 5 ฟุต,ตู้เสื้อผ้า,แอร์ Panasonic ขนาด 18,000 BTU และ 12,000 BTU) ประตูทางเข้า ติดตั้ง Digital door lock ยี่ห้อ HAFELE

ห้อง LOFT แบบ 2 Bedroom จะมีห้องนอนเพิ่มขึ้นมาที่ชั้นล่าง ครัวที่ได้จะเป็นพื้นที่ครัวเปิด เมื่อเข้ามาในห้องเราจะพบกับความสูง โปร่งของพื้นที่ Living area ได้เลย

บริเวณด้านหน้าประตูห้อง จะเป็นพื้นที่ครัวเปิด และบันไดทางขึ้นชั้น 2

พื้นที่ว่างข้างบันได สามารถวางตู้เย็นขนาดใหญ่ตรงนี้ได้

ประตูบานเลื่อนที่เชื่อมต่อกับพื้นที่ระเบียงไว้รับแสงสว่างจากธรรมชาติ

เคาน์เตอร์ครัวที่โครงการ Buit-in ไว้ให้ติดตั้งเครื่องดูดควัน, เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว และซิงค์ล้างจาน

Dining area มีที่สำหรับ 2 ที่นั่งพอดี สามารถติดตั้งโต๊ะที่สามารถพับเก็บเข้า-ออกได้ ขะช่วยประหยัดพื้นที่ใช้งานได้มาก

ห้องน้ำ จะอยู่ใต้บันไดทางขั้นชั้น 2 สามารถจัดวางตู้เย็นขนาดใหญ่ได้พอดี บริเวณหน้าห้องจะมีห้องเก็บของไว้สำหรับเก็บอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น อุปกรณ์ทำความสะอาดเพื่อความเรียบร้อยไม่รกสายตา

ห้องน้ำ ติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำไว้ให้เหมือนห้องแบบอื่น ๆ ภายในติดตั้งฝักบัว 2 แบบ Rain shower และ Hand shower

ต่อไปเราจะไปดูห้องนอนที่ชั้นล่างกันค่ะ

ภายในห้องนอนชั้นล่างติดตั้งหน้าต่างไว้รับแสงจากธรรมชาติ และมีหน้าต่างบานกระทุ้ง 1 จุดไว้สำหรับเปิดระบายอากาศ ซึ่งห้องจริงจะเป็นห้องเปล่า เราสามารถจัดวางเตียงนอนขนาดควีนไซส์ และเฟอร์นิเจอร์หลัก ๆ ได้

บริเวณหน้าประตูห้อง สามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ตำแหน่งด้านนี้ได้ โครงการจัดไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง

ขึ้นมาที่ห้องนอนชั้นด้านบนกันบ้างชั้นด้านบนนี้ทางโครงการจะ Built-in เตียงนอน 5 ฟุต และตู้เสื้อผ้าไว้ให้

ย้อนกลับมาดูที่บันได ตู้เสื้อผ้าจะอยู่ในตำแหน่งนี้ และยังมีพื้นที่สำหรับโต๊ะเครื่องแป้งขนาดเล็ก

พื้นที่โซนเตียงนอน จัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต ทางโครงการมอบให้พร้อมฟูก

นอกจากนั้นยังมีพื้นทีสำหรับวางโต๊ะทำงาน หรือโต๊ะอ่านหนังสือก็ดูเข้าท่า

ราวบันไดสแตนเลสสีดำ พร้อมติดตั้งกระจก safety ทีมี่ความแข็งแรง ทนทาน

ภาพจำลองโครงการ

Lounge Lobby จุดรับรอง บริเวณชั้น 1 ของโครงการ

Facility ของโครงการที่ชั้น 9

Swimming pool แบบ out door รับชมวิวเมืองได้โดยรอบ

ห้องฟิตเนสล้อมรอบด้วยกระจกใส พร้อมอุกรณ์ออกกำลังกายที่หลากหลาย

Co-Kitchen พื้นที่สำหรับประกอบอาหาร และจัดปาร์ตี้ต่าง ๆ

Game room สำหรับผ่อนคลาย

The Rich Rama 9 – Srinakarin Triple Station (เดอะ ริช พระราม 9-ศรีนครินทร์ ทริปเปิ้ล สเตชั่น) โครงการคอนโดมิเนียม High rise ที่มีความสูง 32 ชั้น จำนวน 558 ยูนิต ผสมความเป็นโครงการมิกซ์ยูส โดยจะมีพื้นที่ Community 3 ชั้น ที่ด้านหน้าโครงการ รวบรวม Shop กว่า 20 ร้านค้าไว้ให้บริการ เพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้พักอาศัย รูปแบบห้องพักมีให้เลือก 2 แบบ 1. MONO พื้นที่ใช้สอย 25.61 – 35.69 ตร.ม. มีแบบ 1 Bedroom และ 1 Bedroom plus 2. LOFT พื้นที่ใช้สอย 25.27 – 45.04 ตร.ม. ความสูง 4.40 เมตร มีทั้ง 1 Bedroom และ 2 Bedroom โครงการมอบให้พร้อมเฟอร์นิเจอร์แบบ Fully Fitted มีเคาน์เตอร์ครัว,เตียงนอน 5 ฟุต,ตู้เสื้อผ้า,เครื่องปรับอากาศ สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ได้แก่ สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, Co-Working, Co-Kitchen, Game Room และ Lounge ทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ศรีนครินทร์ ใกล้แยกพัฒนาการ เดินทางเข้าออกเมืองสะดวกเชื่อมต่อกับถนนเส้นหลักอื่น ๆ อย่าง ถนนอ่อนนุช รามคำแหง เสรีไทย พระราม9 สุขุมวิท หรือจะเลือกใช้ทางพิเศษศรีรัช และทางด่วนมอเตอร์เวย์กรุงเทพ-ชลบุรีได้ การเดินทางด้วยรถสาธารณะ มีให้เลือกใช้ทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ รถสองแถว และรถจักรยานยนตร์รับจ้าง ส่วนการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ในอนาคตจะอยู่ติดกับแนวรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) สถานีพัฒนาการ เพียง 0 เมตร ปัจจุบันสามารถเลือกใช้รถไฟฟ้า Airport Link (พญาไท-สุวรรณภูมิ) สถานีหัวหมากที่เชื่อมต่อทั้งรถไฟฟ้า BTS และ รถไฟฟ้า MRT