พรีบิลท์

พรีบิลท์ รับมือโควิดเข้ม!! ลุยจัดซื้อวัคซีนฉีดให้คนงาน วอนภาครัฐทบทวนนโยบายปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง

พรีบิลท์ รับมือโควิดเข้ม!! ลุยจัดซื้อวัคซีนฉีดให้คนงาน

วอนภาครัฐทบทวนนโยบายปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง

 

พรีบิลท์ รับมือโควิดเข้ม!! จัดหาวัคซีนฉีดให้พนักงานและคนงานทุกคน พร้อมออกมาตรการเข้มงวดภายในสำนักงานและแคมป์คนงานก่อสร้าง สร้างความมั่นใจให้คนทำงานและลูกค้าปลอดภัย  แนะรัฐเร่งระดมฉีดวัคซีนให้คนงานก่อสร้าง ทั่ว กทมฯและปริมณฑลกว่า 200,000 คน พร้อมวอนรัฐทบทวนคำสั่ง เปิดแคมป์อนุญาตให้คนงานที่ฉีดวัคซีนแล้วกลับมาทำงานต่อได้่  หลังกระทบเศรษฐกิจวงกว้าง คนงานขาดรายได้เลี้ยงครอบครัว โครงการก่อสร้างภาครัฐ-เอกชนล่าช้าดันต้นทุนเพิ่ม  ขณะที่ โครงการบ้าน“พิมนารา”ศรีนครินทร์ฯ ผลตอบรับดี กับบ้าน JAPANDI STYLE ลูกค้าให้ความสนใจขอเข้าชมโครงการ ที่จะเปิดให้เยี่ยมชมและเปิดขายเร็วๆ นี้

พรีบิลท์

นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บริษัท พรีบิลท์ จำกัด(มหาชน)  (PRE-BUILT) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ Covid -19 ระลอก3 ที่มีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น บริษัทได้ตระหนักถึงความปลอดภัย และให้ความสำคัญสูงสุดในการดูแลและป้องกันพนักงานและคนงานก่อสร้างทุกแคมป์งานก่อสร้างของบริษัทที่มีจำนวนรวมกันกว่า 1,400 คน และคนงานของผู้รับเหมาก่อสร้างอีก 1,500 คน โดยล่าสุดบริษัทได้จัดซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มจากราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ฯ ได้แล้ว1,600 โดส และได้รับการจัดสรรวัคซีนจากกรมควบคุมโรคอีกส่วนหนึ่ง เพื่อฉีดให้กับพนักงานและคนงานในแคมป์งานก่อสร้างทั้งคนไทยและคนงานต่างด้าวทั้งหมด รวมทั้งออกมาตรการในการควบคุมการปฎิบัติ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาด ตามคำแนะนำของ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ทีมงานทุกคนทำงานด้วยความปลอดภัยและสบายใจ

พรีบิลท์

ขณะเดียวกันลูกค้าก็มีความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยเมื่อเข้ามาเยี่ยมชมโครงการ ซึ่งยังคงมีลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชมโครงการอย่างต่อเนื่อง ทั้ง โครงการพรรณนา บ้านเดี่ยวไฮเอนด์ ย่านพุทธมณฑล สาย 3 และโครงการพิมนารา (PIMNARA) บ้านภายใต้แนวคิด ‘Less For More Living’ โครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ 2 ของบริษัท ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวราคา 5.99 – 7 ล้านบาท บนทำเลถนนศรีนครินทร์ โดยหลังจากที่เริ่มออกสื่อ ผลปรากฏว่าได้รับความสนใจจากลูกค้าอย่างมาก

นายวิโรจน์กล่าวว่า  แต่ผลจากการที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีคำสั่งประกาศให้ปิดแคมป์โครงการก่อสร้างทุกแห่งในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่มีอยู่กว่า 400 แห่ง และมีคนงานรวมกันมากกว่า 200,000 คนนั้น ได้ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนในวงกว้าง ทั้งคนงานที่ขาดรายได้ไปเลี้ยงครอบครัวกระทบต่อกำลังซื้อ และกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวมทั้งเศรษฐกิจในชุมชนรอบแคมป์คนงานทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑล และเศรษฐกิจในภาพใหญ่ นอกจากนี้ยังส่งผลกระทบต่อแผนงานการก่อสร้างของโครงการก่อสร้างทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการก่อสร้างและระยะเวลาที่ต้องล่าช้าออกไปด้วย  ที่สำคัญการหยุดชะงักงานก่อสร้าง ยังอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของการทำงานด้วย  เพราะงานก่อสร้างเป็นงานที่ต้องทำต่อเนื่องจะหยุดหรือทิ้งไว้นานไม่ได้  เช่น นั่งร้าน หรือระบบเสาค้ำยันที่สร้างไว้ชั่วคราว การทิ้งไว้นานๆจะเกิดความเสียหาย และมีผลต่อความปลอดภัย

พรีบิลท์

นายวิโรจน์ กล่าวต่อว่า ตนจึงขอเรียกร้องและวิงวอนให้รัฐบาลเร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้กับคนงานก่อสร้างอย่างเร่งด่วนที่สุดในระหว่างที่ปิดแคมป์โครงการก่อสร้างนี้ และหากไซส์งานก่อสร้างหรือแคมป์คนงานใด มีการจัดฉีดวัคซีนให้กับคนงานเป็นส่วนใหญ่หรือทั้งหมดแล้ว และมีมาตรการในการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีมาตรฐานความปลอดภัยตามมาตรการของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขแล้ว ก็ควรจะพิจารณาอนุญาตให้คนงานที่ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว กลับเข้ามาทำงานก่อสร้างต่อได้  หรือหากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดในแคมป์คนงานก่อสร้างได้แล้ว ก็ขอให้ ศบค.พิจารณาทบทวนคำสั่ง โดยอนุญาติให้กลับมาเปิดแคมป์คนงานก่อสร้างได้เร็วขึ้น หรือเร็วกว่าคำสั่งปิดที่กำหนด 30 วัน  เช่น ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเศรษฐกิจมากไปกว่านี้ และ เพื่อให้คนงานกลับมาทำงานหาเลี้ยงชีพได้เร็วขึ้น ขณะที่โครงการก่อสร้างทั้งของภาครัฐและเอกชนก็จะเสียหายน้อยลง

“ด้วยมาตรการเชิงรุกของบริษัท ทั้งการลงทุนจัดหาจัดซื้อวัคซีนฉีดให้กับผู้ปฎิบัติงานทุกคนที่ปัจจุบันฉีดไปได้มากกว่าครึ่งแล้ว และกำหนดมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวดและเข้มข้น ทั้งในออฟฟิศและแคมป์คนงานก่อสร้าง จนสามารถมั่นใจได้ว่า ควบคุมความปลอดภัยให้กับพนักงานในแคมป์คนงานของบริษัทได้  จึงอยากวิงวอนขอให้ภาครัฐทบทวนคำสั่งและอนุญาตเปิดแคมป์คนงานให้กลับมาทำงานต่อได้  โดยอาจพิจารณาแคมป์คนงานแต่ละแห่งที่มีความพร้อมก่อน เพราะขณะนี้ทุกฝ่ายได้รับผลกระทบและความเสียหาย”

พรีบิลท์

นายวิโรจน์ยังกล่าวถึง ความคืบหน้าของโครงการพิมนารา (PIMNARA) บ้านภายใต้แนวคิด ‘Less For More Living’ บ้านโครงการที่2ของบริษัทซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวราคา 5.99 – 7 ล้านบาท บนทำเลถนนศรีนครินทร์ โดยหลังจากที่เริ่มออกสื่อ  ผลปรากฏว่าโครงการพิมนาราได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้า ทั้งความชื่นชอบใน แบบบ้าน และรูปแบบโครงการที่เป็น JAPANDI STYLE  ไม่ว่าจะเป็น Bath Tub ในห้องน้ำ Master, เฉลียงยกพื้นข้างบ้าน, รวมถึง LDK Function มีลูกค้าโทรศัพท์เข้ามาสอบถามเกี่ยวกับโครงการ และลงทะเบียนเข้าเยี่ยมชมโครงการจำนวนมาก โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถเปิดให้ลูกค้าเข้ามาชมโครงการ และเปิดขาย  ได้ภายในเร็วๆ นี้ 

 

เว็บไซต์ ประกาศ ซื้อ ขาย บ้าน มือ1 มือ2 :  Hubzoomer.com

ติดตามข่าวสาร รีวิวบ้านและคอนโด สาระน่ารู้ : Homezoomer