บอร์ด ASW ไฟเขียวอนุมัติขายหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 320 ล้านบาท ชูผลตอบแทนดอกเบี้ย 5% พร้อมแถม ASW-W2

บอร์ด ASW ไฟเขียวอนุมัติขายหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 320 ล้านบาท ชูผลตอบแทนดอกเบี้ย 5% พร้อมแถม ASW-W2

บอร์ด ASW ไฟเขียวอนุมัติขายหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 320 ล้านบาทชูผลตอบแทนดอกเบี้ย 5% พร้อมแถม ASW-W2สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมของ ASW ที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นกู้แปลงสภาพครึ่งหลังลุยต่อยอดการเติบโต 3 โครงการใหม่มูลค่ากว่า 6,200 ล้านบาท

บมจ.แอสเซทไวส์ หรือ ASW ประกาศมุ่งขยายพอร์ตอสังหาฯ สู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ประยุกต์ใช้เครื่องมือทางการเงินต่อยอดลงทุนพัฒนาโครงการใหม่  หลังบอร์ดอนุมัติขายหุ้นกู้แปลงสภาพ มูลค่า 320 ล้านบาท อายุ 2 ปี ชูอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปี เปิดจองซื้อตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน – 3 ตุลาคม 2565 พร้อมแถมวอแรนต์ (ASW-W2) แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นกู้แปลงสภาพ เสริมทัพเดินหน้าลุยต่อครึ่งปีหลังเปิดตัว 3 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 6,200 ล้านบาท  เผยมั่นใจยอดขายปีนี้เกินเป้า 10,000 ล้านแน่นอน

 บอร์ด ASW ไฟเขียวอนุมัติขายหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 320 ล้านบาท ชูผลตอบแทนดอกเบี้ย 5% พร้อมแถม ASW-W2

                นายกรมเชษฐ์  วิพันธ์พงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) (ASW) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นผู้นำด้านไลฟ์สไตล์ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness”  เปิดเผยว่า บริษัทฯ วางแผนสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยขับเคลื่อนผ่านการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ตามโรดแมปที่วางไว้สู่ความมั่งคั่งและมั่นคงในอนาคต หลังจากครึ่งปีแรกประสบความสำเร็จอย่างสูงทั้งด้านยอดขาย (พรีเซล) และรายได้ที่ทำนิวไฮทุบสถิติครั้งใหม่ โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้ออกและเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 320,000 หน่วย ราคาเสนอขายหน่วยละ 1,000 บาท คิดเป็นมูลค่าเสนอขายทั้งสิ้นไม่เกิน 320 ล้านบาท แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ที่ได้รับสิทธิตามสัดส่วนการถือหุ้น (PPO) ในอัตราการจัดสรร 2,676 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพ

ทั้งนี้ นักลงทุนจะต้องมีรายชื่อเป็นผู้ถือหุ้นของ ASW ก่อนวันที่ 25 สิงหาคม 2565 ซึ่งเป็นวันแรกของการขึ้นเครื่องหมาย XB (Excluding Other Benefits) และให้วันที่ 26 สิงหาคม 2565 เป็นวันที่กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิจองซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพควบใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ ครั้งที่ 2 (ASW-W2) (Record Date) ซึ่งบริษัทฯ จะเปิดให้จองซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน – 3 ตุลาคม 2565 โดยผู้ถือหุ้นของ ASW สามารถจองซื้อมากกว่าสิทธิที่ตนได้รับได้

หุ้นกู้แปลงสภาพที่จะเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ในครั้งนี้มีอายุ 2 ปี นับจากวันที่ออกหุ้นกู้แปลงสภาพ ให้ดอกเบี้ยเป็นผลตอบแทน 5% ต่อปี ซึ่งสามารถใช้สิทธิแปลงสภาพครั้งแรกในวันที่ 4 เมษายน 2567 กำหนดราคาแปลงสภาพที่ร้อยละ 90 ของราคาตลาดแต่จะต้องไม่ต่ำกว่า 8 บาทต่อหุ้น โดยผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทฯ ที่จองซื้อและได้รับจัดสรรหุ้นกู้แปลงสภาพในครั้งนี้จะได้รับจัดสรร ASW-W2 ในอัตรา 1 หน่วยหุ้นกู้แปลงสภาพ ต่อ 300 หน่วย ASW-W2 มีราคาใช้สิทธิที่ 12.00 บาทต่อหุ้น อายุ 2 ปีนับจากวันที่ออก ASW-W2

สำหรับแผนการดำเนินงานในครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มีแผนเปิดโครงการใหม่อีก 3 โครงการ ทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ มูลค่าโครงการรวม 6,200 ล้านบาท ได้แก่ 1)โครงการคอนโด Kave Seed Kaset (เคฟ ซี้ด เกษตร) จำนวน 600  ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 1,350 ล้านบาท 2) โครงการแนบราบ Esta Rangsit Khlong 2 (เอสต้า รังสิต คลอง 2) จำนวน 153 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 4-6 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 680 ล้านบาท และ 3) โครงการแนวราบ The Honor Yothin Pattana (ดิ ออเนอร์ โยธินพัฒนา) จำนวน 128 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 29 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 4,170 ล้านบาท

“บริษัทฯ มั่นใจว่าด้วยความยึดมั่นการพัฒนาอสังหาฯภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” จากความเข้าใจใน Customer Insight ผสานกับกลยุทธ์การตลาดและความเข้าใจถึงสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งสถานะทางการเงินของบริษัทฯ ที่มีความแข็งแกร่งจะผลักดันให้บริษัทฯ บรรลุเป้าหมายยอดขาย 10,000 ล้านบาท ได้อย่างแน่นอน” นายกรมเชษฐ์  กล่าว

 บอร์ด ASW ไฟเขียวอนุมัติขายหุ้นกู้แปลงสภาพมูลค่า 320 ล้านบาท ชูผลตอบแทนดอกเบี้ย 5% พร้อมแถม ASW-W2

ทั้งนี้ ASW ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ มุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวสูงและแนวราบบนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่ออกแบบมาเพื่อคุณ” หรือ “We Build Happiness” ปัจจุบันได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมและโครงการบ้านจัดสรรมาแล้วกว่า 44 โครงการ ภายใต้แบรนด์ในเครือที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสุขให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ได้แก่ แบรนด์ เคฟ (KAVE), แบรนด์ แอทโมซ (ATMOZ), แบรนด์ โมดิซ (MODIZ), แบรนด์ เอสต้า (ESTA) และ แบรนด์ ดิ ออเนอร์ (THE HONOR) รวมมูลค่าโครงการกว่า 46,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและโครงการพร้อมอยู่ 32 โครงการ และโครงการที่กำลังเปิดขายและอยู่ระหว่างการพัฒนา 12 โครงการ โดยปัจจุบันมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) มูลค่ารวมกว่า 9,218 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง

 


เว็บไซต์ ประกาศ ซื้อ ขาย บ้าน มือ1 มือ2 : Hubzoomer.com
ติดตามข่าวสาร รีวิวบ้านและคอนโด สาระน่ารู้ : Homezoomer.com