ค้นหารีวิวและสาระน่ารู้ เรื่องบ้านมากมายได้ที่นี่!
รีวิวบ้าน คอนโด ทาวน์โฮม ทำเล โครงการพรีวิว ข่าวอสังหาฯ และสาระน่ารู้กว่า 2,000 รายการ
วัน แอททีเลียร์ ไพรเวท เรสซิเดนซ์ พหลโยธิน (One Atelier Private Residence Phaholyothin)
Type B – BIANCA ทาวน์โฮม 4.5 ชั้น ขนาดที่ดิน 22-33.2 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 346-394 ตร.ม. 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน 2 ที่จอดรถ 1 ที่จอดซูเปอร์ไบค์
เงื่อนไขการเป็นเจ้าของ
สถานพยาบาล - โรงพยาบาลเปาโล เกษตร, โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย4 และโรงพยาบาลวิภาวดี
สถานศึกษา – มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม, มหาวิทยาลัยศรีปทุม, โรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์, โรงเรียนสตรีวิทยา2, โรงเรียนสตรีวรนาถ บางเขน และโรงเรียนหอวัง
ทำเลและการเดินทาง
โครงการ One Atelier Private Residence Paholyothin ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 34 หรือเสนานิคม 2 ซึ่งเป็นทำเลที่มีศักยภาพ ตั้งอยู่จุดศูนย์กลางหลักสำคัญทางกรุงเทพตอนเหนืออย่างรัชโยธิน – ห้าแยกลาดพร้าว ที่เป็น HUB ของการคมนาคมสำคัญคือ สถานีกลางบางซื่อ และยังใกล้กับ New CBD พระราม9 ที่เป็นจุดศูนย์เศรษฐกิจสำคัญแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ สำหรับที่ตั้งของโครงการจะอยู่ห่างจากถนนใหญ่พหลโยธินเพียงประมาณ 1.7 กิโลเมตร ทำให้การเดินทางด้วยรถยนต์ถือว่าสะดวกมาก ๆ เนื่องจากใกล้กับถนนใหญ่พหลโยธินที่เป็นถนนสายหลักสำคัญ ที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนเส้นสำคัญต่าง ๆ มากมาย อย่างเช่น ถนนพหลโยธิน, ถนนลาดพร้าว-วังหิน, ถนนรัชดาภิเษก, ถนนโชคชัย 4 และถนนเกษตร-นวมินทร์ ทุกถนนล้วนแล้วแต่เป็นถนนสายสำคัญที่สามารถเดินทางเข้าออกเมืองชั้นในได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
ตัวโครงการสามารถเข้าได้ 2 ทางทั้งจากถนนพหลโยธินซอย 34 และเข้าทางถนนประเสริฐมนูกิจ โดยหากเข้าจากทางถนนพหลโยธิน 34 จากสถานี BTS เสนานิคมเข้าไปประมาณ 1.7 กิโลเมตร สะดวกกับการเดินทาง
การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า
สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าก็ถือว่าทำได้สะดวก เนื่องจากที่ตั้งของโครงการจะห่างจากรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว สถานีเสนานิคมเพียง 1.7 กิโลเมตร ความพิเศษของรถไฟฟ้าสายสีเขียวนี้คือ เดินทางเพียงหนึ่งสถานี ถึงสถานีมหาวิทาลัยเกษตรศาสตร์ และเพียง 3 สถานีก็จะเป็นสถานีห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางแหล่ง Lifestyle ขนาดใหญ่อย่าง Central ลาดพร้าว และยูเนี่ยนมอลล์ ถัดไปอีกสถานีจะเป็นสถานีหมอชิต (ซึ่งเป็นสถานี Interchange กับ MRT รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สามารถเดินทางไปเชื่อมต่อ CBD พระราม 9 to CBD อโศก) ความพิเศษของรถไฟฟ้าสายสีเขียวนี้จะเป็นแนวรถไฟฟ้าที่ผ่านสถานีสำคัญๆ อย่าง สถานีอนุสาวรีย์ชัย, สถานีพญาไท (Interchange กับ Airport Link) สถานีสยาม (เปลี่ยนสายไปยังเส้นสีลม – บางหว้า) สถานีชิดลม, สถานีเพลินจิต, สถานีอโศก (Interchange กับ MRT สถานีสุขุมวิท) สถานีพร้อมพงษ์ ยาวจนไปสุดที่สมุทรปราการ ได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสายอีกด้วย
โครงการ One Atelier Private Residence Phaholyothin ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งเศรษฐกิจสำคัญที่มีความเจริญเติบโตมาอย่างต่อเนื่อง โดยการพัฒนาทางด้านต่างๆ อยู่ตลอดเวลาส่งผลให้บริเวณใกล้เคียงกับโครงการเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ซึ่งจะประกอบไปด้วย
สิ่งอำนวยความสะดวกรอบโครงการ
ศูนย์การค้า – Central ลาดพร้าว, Central East Ville, Union Mall, Index Living mall, Major รัชโยธิน, The Crystal SB Park, Crystal Design Center, นวมินทร์ ซิตี้ อเวนิว
สถานพยาบาล – โรงพยาบาลเปาโล เกษตร, โรงพยาบาลเปาโล โชคชัย4, โรงพยาบาลวิภาวดี
สถานศึกษา – มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยราชภัฏจันทรเกษม, มหาวิทยาลัยศรีปทุม โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, โรงเรียนสตรีวิทยา2, โรงเรียนสตรีวรนาถ บางเขน, โรงเรียนหอวัง
สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน – SCB Park สำนักงานใหญ่ PTT
การเดินทาง
การเดินทางไปยังโครงการเราจะเริ่มต้นตั้งแต่บนถนนรัชดาภิเษกมุ่งหน้าไปยังแยกรัชโยธิน เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนพหลโยธิน แล้วไปกลับรถบริเวณก่อนแยกเกษตรศาสตร์ กลับรถมาแล้วมาเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพหลโยธิน 34 แล้วขับตรงตามทางไปประมาณ 1.7 กม. ก็จะถึงที่ตั้งของโครงการ
การเดินทางไปยังโครงการ One Atelier Private Residence Phoholyothin เริ่มจากถนนรัชดาภิเษก ฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปยังแยกรัชโยธิน
เราขับตรงไปขึ้นสะพานข้ามแยกรัชดา-ลาดพร้าว และวิ่งตามเส้นถนนรัชดาภิเษก
เมื่อลงจากสะพานข้ามแยกรัชดา-ลาดพร้าว ให้ขับตรงตามทางไปก่อน โดยให้สังเกตป้ายมุ่งหน้าไปยังเกษตร
ขับตรงตามทางจนมาถึงแยกรัชโยธิน ตรงแยกนี้เราจะเตรียมเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่ถนนพหลโยธิน
เมื่อเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนพหลโยธิน เมเจอร์รัชโยธินอยู่ทางซ้ายมือ ให้ขับตรงตามถนนไปก่อน
ขับตรงตามทางมาประมาณ 1 กิโลเมตร จะเห็นรถไฟฟ้าสถานีเสนานิคม ให้เตรียมตัวกลับรถเลยค่ะ
ขับตามทางจนก่อนถึงแยกมหาวิทยาลัยเกษตร ให้กลับรถใต้สะพาน
กลับรถมาแล้วให้ขับชิดซ้ายเพื่อเตรียมตัวเลี้ยวซ้ายเข้าซอยพหลโยธิน 34 ซึ่งจะอยู่ใต้รถไฟฟ้าสถานีเสนานิคมพอดีเลยค่ะ
เลี้ยวซ้ายเข้ามาในซอยพหลโยธิน 34 ได้เลยค่ะ
พอเลี้ยวซ้ายเข้ามาในซอยพหลโยธิน 34 แล้ว ให้ขับตรงตามทางประมาณ 1.7 กิโลเมตร โครงการจะอยู่ทางซ้ายมือ
ผังโครงการ
โครงการ One Atelier Private Residence Phaholyothin มีจำนวนทั้งสิ้น 13 ยูนิต มีบ้านให้เลือกอยู่ 3 รูปแบบ ประกอบไปด้วยทาวน์โฮม 4 ชั้นครึ่ง และบ้านแฝด สำหรับบ้านตัวอย่างจะเป็นบ้านแบบ Type A ฟังก์ชันของบ้านจะประกอบไปด้วย
ชั้น Basement หรือชั้นใต้ดินซึ่งเป็นพื้นที่จอดรถ ห้องแม่บ้าน ห้องซักรีด และครัวไทย
ชั้นที่ 1 จะเป็นทางเข้าหลัก Living Area และ Pantry
ชั้น M หรือชั้นลอย 1 ห้องเอนกประสงค์
ชั้นที่ 2 ห้องนอนจำนวน 2 ห้อง
ชั้นที่ 3 เป็น Mater Bedroom
ชั้น Rooftop สระว่ายน้ำ
Master Plan ทางเข้าโครงการจะหันไปทางทิศใต้ บริเวณตรงกลางจะเป็นพื้นที่สวนสีเขียวซึ่งจะกั้นเป็นแนวยาว โดยฝั่งขวาทั้งหมดจะเป็นบ้านแบบ Type A จำนวน 8 ยูนิต ส่วนฝั่งซ้ายจะเป็น Type B จำนวน 3 ยูนิต และ Type C จำนวน 2 ยูนิต
รูปแบบบ้าน
Type A – Atina ขนาดที่ดิน 29.30 – 46.30 ตร.วา ขนาดพื้นที่ใช้สอย 457 – 599 ตร.ม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน, 4 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ 1 ที่จอดซูเปอร์ไบค์และ 1 ห้องแม่บ้าน หน้ากว้าง 6.9 เมตร และมีความลึกถึง 10.6 เมตร
ชั้น Basement เป็นที่จอดรถ 3 คัน และรถซูเปอร์ไบค์อีก 1 คัน ในส่วนของความสูงชั้นใต้ดินนี้จะมีความสูง 2 ระดับ จุดที่ต่ำที่สุดคือ 2.2 เมตรและสูงที่สุด 2.4 เมตร ถัดเข้ามาด้านในตัวบ้านก็จะเป็นพื้นที่ใช้สอยสำหรับ ห้องซักรีด ครัวไทย ห้องแม่บ้าน ห้องน้ำ และลิฟต์โดยสาร
ชั้นที่ 1 เมื่อเข้ามาภายในบ้านจะพบกับโซน Living Area เป็นอันดับแรกตรงนี้เพดานจะมีความสูงถึง 5 เมตร ถัดไปด้านในจะเป็นโซน Pantry ส่วนนี้ความสูงเพดานจะอยู่ที่ 2.5 เมตร มี Island สำหรับเตรียมอาหาร และเคาน์เตอร์ครัว ติดกันจะเป็น Powder Room
ชั้น Mezzanine หรือชั้นลอย ส่วนนี้เป็นพื้นที่ของห้องอเนกประสงค์ สามารถตกแต่งให้เป็นห้องทำงาน ห้องออกกำลังกาย หรือเป็นห้องที่เอาไว้นั่งอ่านหนังสือทำกิจกรรมอื่น ๆ ได้ ความพิเศษของห้องนี้คือจะเชื่อมต่อมาจากชั้นที่ 1 ที่เป็นโถงสูง 5 เมตร ซึ่งสามารถมองลงไปยัง Living Area ได้อีกด้วย
ชั้นที่ 2 สำหรับชั้นนี้จะมีห้องนอนจำนวน 2 ห้อง โดยห้องนอนที่ 1 จะอยู่ในตำแหน่งด้านหลังของตัวบ้าน และห้องนอนที่ 2 จะอยู่ด้านหน้าของตัวบ้าน ซึ่งทั้งสองห้องนอนมีห้องน้ำอยู่ในตัว
ชั้นที่ 3 สำหรับชั้นนี้เป็นพื้นที่ของห้อง Master Bedroom ซึ่งจะกินพื้นที่ชั้นนี้ทั้งหมด และยังมีระเบียงส่วนตัวอยู่ที่ด้านนอกอีกด้วย
ชั้นRooftop ให้เป็นโซนพักผ่อนโดยมีสระว่ายน้ำ และพื้นที่นั่งเล่นพักผ่อน
Zoom โชว์รูม
โครงการ One Atelier Private Residence Phaholyothin ออกแบบโดยบริษัท MET Studio ที่มาของโครงการนั้น ต้องการให้แต่ละโครงการเปรียบเสมือนสถานที่จัดแสดงงานสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ดังนั้นแต่ละโครงการของ One Atelier นั้นจะมีการตกแต่งที่แตกต่างกันออกไป เพื่อให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของแต่ละโครงการ โดยแนวคิดของ One Atelier Private Residence Phaholyothin มาจาก The Exquisite Living การอยู่อาศัยที่งดงามในทุกแง่มุม ด้วยสถาปัตยกรรมสไตล์ Modern Classic ที่งดงาม หรูหรา ทำเลใกล้เมือง ให้ผู้อาศัยมีชีวิตที่งดงาม ลงตัวและสมดุล
เริ่มจากที่ทางเข้าโครงการเป็นกำแพงสูง 3 เมตรสวยงามในสไตล์ Luxury Modern Classic ซึ่งบริเวณด้านหน้านี้จะเป็นทางเข้าออก โดยจะเป็นระบบการเข้าออกของโครงการด้วย Easy Pass Access พร้อมกับมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงคอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้พักอาศัยภายในโครงการ
พื้นที่ตรงกลางของโครงการจะเป็นพื้นที่สีเขียว ซึ่งอยู่ตรงกลางเป็นแนวยาวสวยงาม ด้วยความที่โครงการ One Atelier Private Residence Phaholyothin มีเพียง 13 ยูนิต ได้ความเป็นส่วนตัวอย่างมาก จุดเด่นของโครงการที่นี่คือจะออกแบบให้พื้นที่จอดรถลงไปอยู่ที่ชั้นใต้ดิน ทำให้พื้นที่บริเวณชั้นที่1 สามารถจัดสวนส่วนกลางได้เต็มพื้นที่หน้าบ้านของทุกยูนิต ทำให้สามารถเข้าถึงพื้นที่สีเขียวส่วนกลางนี้ได้เพียงแค่เปิดประตูออกมาหน้าบ้าน
ที่บริเวณด้านหน้าของตัวบ้านจะมีประตูเข้าออกที่ไม่สูงนัก ข้อดีของการเอาพื้นที่จอดรถไปไว้ชั้นใต้ดินคือ จะทำให้บริเวณหน้าบ้านกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัว ไม่มีรถยนต์มาบดบังความสวยของตัวบ้านเลย ในส่วนของประตูทางเข้าทางโครงการออกแบบให้เป็นประตูกรอบอลูมิเนียมสีดำสูงถึง 2.8 เมตร
ในส่วนของบานหน้าต่างด้านหน้าบ้านจะใช้กระจกใสสีเขียวตัดแสงแบบเต็มบานสวยงามมาก ๆ
พื้นที่บริเวณหลังบ้านทางโครงการออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียว และสามารถขึ้นลงไปยังชั้นใต้ดินได้
ภายในบ้าน
บ้านตัวอย่างจะเป็นบ้านแบบ Type A เมื่อเข้ามาภายในบ้านเราจะพบกับโถงเพดานสูง 5 เมตร ซึ่งถูกจัดเป็น Living Area บริเวณนี้จะรับแสงธรรมชาติจากด้านนอกได้อย่างเต็มที่ ทางโครงการจะติดตั้งระบบ Smart Home ใช้ในการควบคุมระบบต่าง ๆ ภายในบ้านโดยผ่านระบบสมาร์ทโฟน อย่างเช่น สามารถสั่งเปิด-ปิดม่านได้ ไม่เพียงแค่ม่านเท่านั้นแต่ไฟส่องสว่างทุกดวงของที่นี่ก็สามารถสั่งการเปิดปิดได้จากสมาร์ทโฟนด้วยเช่นกัน
เข้ามาในบริเวณ Living Area ส่วนนี้จะเป็นตำแหน่งการวางชุดโซฟาขนาดใหญ่ พร้อมโต๊ะกลาง สามารถนั่งได้ถึง 5-6 คนเลยทีเดียว ตรงข้ามกับชุดโซฟาจะเป็นตำแหน่งการ Built in ชั้นวางทีวีและชั้นวางของ ระยะการนั่งดูทีวีนั้น ถือว่าอยู่ในระยะที่พอดี ไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป
ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นในส่วนของ Dining Area สามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 8 ที่นั่งได้อย่างสบาย ๆ
เข้ามาด้านในสุดเป็นโซน Pantry และมี Island ที่ออกแบบให้เป็นโต๊ะพร้อมเก้าอี้ สามารถนั่งรับประทานอาหารได้ในจุดนี้ ถัดเข้าไปจะตำแหน่ง Built in ชุดครัว ซึ่งจะติดกับ Powder Room ที่อยู่ด้านในสุด
ส่วนต่อมาจะเป็นตำแหน่งของลิฟต์โดยสารบนชั้นที่ 1 ซึ่งจะอยู่บริเวณด้านข้างของตัวบ้าน จุดเด่นของบ้านแบบนี้คือจะมีลิฟต์โดยสารส่วนตัวซึ่งอยู่ติดกับบันไดขึ้นลงเลยค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นตรงหน้าลิฟต์จุดนี้ทางโครงการยังติดตั้ง Video Door Phone ไว้สำหรับติดต่อกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ทางด้านหน้าโครงการ ในเวลาที่มีแขกมาติดต่อก็สามารถสื่อสารกันได้โดย Video Door Phone นี้ได้เช่นกัน
ส่วนของบันได ทางโครงการเลือกใช้เป็นวัสดุไม้จริงทั้งหมด และมีไฟระบบ Sensor ตรวจจับความเคลื่อนไหว เมื่อเราเดินเข้ามาที่โถงบันไดไฟจะติดโดยอัตโนมัติ ทำให้ลูกบ้านไม่ต้องคอยเปิดปิดไฟตรงบันไดบ่อย ๆ เพิ่มความสะดวกสบายในการอยู่อาศัยและประหยัดพลังงานอีกด้วย
ในส่วนของลิฟต์โครงการเลือกใช้เป็นยี่ห้อ Schindler รองรับได้ประมาณ 4 คน ทำให้ผู้พักอาศัยสามารถขึ้นลงบ้าน 4 ชั้นครึ่งได้อย่างสะดวกสบาย
ส่วนต่อมาเราลงมาชมชั้นใต้ดินกันก่อนค่ะ พื้นที่บนชั้นใต้ดินจะประกอบไปด้วย ห้องซักรีด ครัวไทย ห้องแม่บ้าน และพื้นที่จอดรถซึ่งจะอยู่ทางด้านนอก
ห้องแรกเป็นห้องซักรีดสามารถวางเครื่องซักผ้าและ Built in ตู้สำหรับเก็บของได้อย่างลงตัว โดยทางโครงการจะมีการวางระบบท่อเอาไว้ให้ภายในห้อง Laundry ที่ชั้นใต้ดินมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ
ส่วนต่อมาจะเป็นส่วนของห้องครัวไทย ห้องนี้สามารถ Built in ชุดครัวเป็นรูป L เข้ามุมห้องได้อย่างพอดี
ส่วนของห้องแม่บ้านนั้นถือว่าไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป สามารถวางเตียงเดี่ยวและตู้เสื้อผ้าได้พอดี
ถัดมาจะเป็นในส่วนของห้องน้ำของแม่บ้าน ทางโครงการออกแบบแยกสัดส่วนการใช้งานมาให้เรียบร้อยเช่นกัน อุปกรณ์ในห้องน้ำเลือกใช้เป็นยี่ห้อ American Standard ค่ะ
ออกมาด้านนอกจะเป็นพื้นที่สามารถจอดรถได้ 3 คัน ในส่วนนี้ลูกบ้านไม่ต้องกังวลเรื่องฝนตกน้ำท่วมเนื่องจากโครงการมีการวางระบบป้องกันน้ำท่วมเอาไว้แล้วด้วยค่ะ
ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่คือโครงการได้ติดตั้ง Ev Charger ยี่ห้อ Schindler สำหรับชาร์จรถ EV เอาไว้ให้ลูกบ้านทุกยูนิตด้วย ถือว่าสะดวกสำหรับผู้พักอาศัยที่มีรถยนต์ไฟฟ้าเป็นอย่างมาก
ตำแหน่งของลิฟต์ชั้นใต้ดินจะอยู่ติดกับประตูทางเข้าออกจากพื้นที่จอดรถ ซึ่งทางโครงการจะติดตั้งให้เป็น Digital Door lock มาไว้ให้เรียบร้อย
ขึ้นมาบนชั้น M ซึ่งเป็นชั้นลอย ซึ่งจะเป็นพื้นที่ของห้องอเนกประสงค์ สำหรับบ้านตัวอย่างจะตกแต่งเป็นห้องทำงานให้ดูเป็นไอเดีย หรือจะตกแต่งให้เป็นห้องใช้งานอื่น ๆ เช่น ห้องออกกำลังกาย หรือห้องนั่งเล่นอีกห้องก็สามารถทำได้ตามความต้องการของผู้พักอาศัยเลยค่ะ
ขึ้นมาบนชั้นที่ 2 บนชั้นนี้จะเป็นพื้นที่สำหรับห้องนอนจำนวน 2 ห้องด้วยกัน บนชั้นนี้จะใช้ไม้จริงมาปูพื้นทั้งในส่วนของโถงบันได และห้องนอนทั้งสองห้อง
เข้ามาภายในห้องนอนที่ 1 ซึ่งจะอยู่ด้านหลังของตัวบ้าน ตำแหน่งของเตียงจะวางอยู่ด้านในขนานไปกับหน้าต่างซึ่งเป็นกระจกใส ทำให้สามารถรับแสงสว่างธรรมชาติจากด้านนอกได้อย่างเต็มที่ สำหรับขนาดเตียง ห้องนี้สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต ได้อย่างสบาย ๆ แถมยังเหลือพื้นที่บริเวณรอบ ๆ อีกค่อนข้างเยอะเลยค่ะ ติดกับเตียงจะเป็นตำแหน่งการ Built in โต๊ะเครื่องแป้ง และบริเวณปลายยังสามารถวางชุดโซฟาเล็ก ๆ ไว้นั่งเล่นดูทีวีได้อย่างลงตัว
ถึงจะเป็นห้องที่เล็กที่สุดของบ้านแต่ภายในห้องนอนที่ 1 นี้ ยังสามารถ Built in ตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ไว้ตรงบริเวณด้านหน้าห้องน้ำได้อย่างลงตัวสุด ๆ
ห้องน้ำภายในห้องนอนที่ 1 นี้ ทางโครงการติดตั้งมีอ่างล้างหน้าขนาดใหญ่สามารถวางของใช้ส่วนตัวไว้ได้อย่างเต็มที่ มีการแบ่งโซนเปียกโซนแห้งเอาไว้อย่างชัดเจน ในโซนเปียกจะกั้นส่วนด้วย Shower box และมีการลดระดับพื้นลงเล็กน้อยเพื่อไม่ให้น้ำจากโซนเปียกเลอะออกมาอีกด้วยค่ะ
ทางโครงการจะติดตั้ง Rain Shower พร้อมกับมีการเจาะช่องเอาไว้ให้สามารถวางอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับอาบน้ำได้ด้วยค่ะ
ต่อมาจะเป็นห้องนอนที่ 2 ซึ่งจะอยู่ด้านหน้าของตัวบ้าน ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่าห้องนอนที่ 1 เล็กน้อย
ภายในของห้องนอนที่ 2 จะตกแต่งด้วยโทนสีน้ำเงินขาว ตรงกลางเป็นตำแหน่งของเตียงขนาด 5 ฟุต พร้อมกับชุดโซฟาที่ปลายเตียง ส่วนด้านในสุดของห้องจะมี Walk in Closet และห้องน้ำในตัวได้อีกด้วย
Walk in Closet ของห้องนอนที่ 2 นั้นมีขนาดที่ค่อนข้างพอดีสามารถ Built in ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งขนานไปกับกำแพงได้เลยค่ะ
ห้องน้ำภายในห้องนอนที่ 2 เข้ามาแล้วจะรู้สึกถึงความใหญ่ของห้อง พื้นของห้องนี้เลือกใช้เป็นกระเบื้องสีขาวลายหินอ่อน มีหน้าต่างที่เป็นกระจกใส สามารถรับแสงธรรมชาติลอดเข้ามาได้ตลอดทั้งวัน มีการแยกโซนเปียกกับโซนแห้งเอาไว้โดยฉากกั้นเป็นกระจก Temper Glass พร้อมกับติดตั้ง Rain Sower และสุขภัณฑ์จาก Kohler เอาไว้ให้ ห้องน้ำบนชั้นสองของทั้งสองห้องนี้ ทางโครงการจะวางงานระบบที่กำแพง Shower เอาไว้ให้ลูกบ้านติดตั้งเครื่องทำน้ำอุ่นได้เองค่ะ
ขึ้นมาที่บนชั้น 3 เราจะพบกับห้อง Master Bedroom สำหรับห้องนี้จะกินพื้นที่ทั้งชั้นของชั้น 3 เมื่อเปิดประตูเข้ามาเราจะพบกับพื้นที่ขนาดใหญ่ ทางโครงการกั้นส่วนการใช้งานด้วยกระจกใส ด้านในสุดเป็นตำแหน่งของเตียง หากสังเกตดี ๆ บ้านที่นี่ออกแบบให้มีหน้าต่างกระจกใสภายในห้องต่าง ๆ เพื่อสามารถรับแสงจากธรรมชาติจากทางด้านนอกได้อย่างเต็มที่ และห้องนี้ก็เช่นกัน
เข้ามาด้านในบริเวณตำแหน่งวางเตียง พื้นที่ในส่วนนี้สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้อย่างสบาย ๆ และยังมีพื้นที่เหลือพอให้สามารถวางชุดโซฟาไว้ที่ปลายเตียง และริมหน้าต่างไว้นั่งเล่นได้อีกเพิ่มเติม
นอกจากนี้ตรงริมหน้าต่างยังสามารถจัดเป็นพื้นที่นั่งเล่น อ่านหนังสือมองวิวตรงสวนของส่วนกลางหน้าบ้านได้ และสามารถเดินออกไปนอกระเบียง Outdoor เพื่อรับลมธรรมชาติได้อีกด้วย ซึ่งทางโครงการได้จัดต้นสนใบพาย เอาไว้ให้ที่ริมระเบียงของชั้นนี้ให้ด้วยนะคะ
ส่วนถัดมาจะเป็น Walk in Closet โดยทางโครงการตกแต่งให้ดูเป็นไอเดีย โดยจะการกั้นฉากกระจกใส ส่งผลให้ห้องไม่ดูอึดอัดจนเกินไป สามารถ Built in ตู้เสื้อผ้า ชั้นเก็บของต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว
ถัดจาก Walk in Closet จะเป็นห้องน้ำของ Master Bedroom ซึ่งเป็นห้องน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของตัวบ้าน
จุดเด่นภายในห้องน้ำของ Master Bedroom คือทางโครงการจะเลือกใช้อุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น ก๊อกน้ำ บานจับ ฝักบัว เป็นวัสดุสีทองทั้งหมด มากไปกว่านั้นความพิเศษของห้องนี้คือจะมีอ่างอาบน้ำมาให้ด้วย ในส่วนของพื้นและผนัง ก็เลือกใช้หินสีอ่อนตัดกับสีดำทอง ยิ่งเพิ่มความหรูหรามากขึ้นไปอีก
อุปกรณ์ต่าง ๆ เป็นสีทองดูหรูหราเข้ากับสไตล์ Luxury Modern Classic
สำหรับห้องน้ำของ Master Bedroom จะออกแบบมาให้มี His and Her ซึ่งห้องน้ำที่นี่จะตกแต่งออกมาได้สวยงามมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เลือกใช้กระเบื้องหินอ่อนสีต่าง ๆ ซึ่งทำให้ออกมาดูสวยงามเป็นอย่างมากเลยค่ะ
ห้องน้ำภายใน Master Bedroom จะออกแบบแยกส่วนการใช้งานกับโซนอาบน้ำด้วยกระจก มองจากมุมนี้คือสวยและลงตัวมากค่ะ
เมื่อเราขึ้นมายังชั้น Rooftop ก็จะพบกับไฮไลท์ของบ้านนี้ ซึ่งจะมีสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 7.35 x 3 เมตร ความลึก 1.2 เมตร โดยสระว่ายน้ำจะเป็นสระประเภท SKIMMER นะคะ มุมนี้คือมุมสำหรับนั่งพักผ่อน ซึ่งหาบ้านแบบนี้ได้ยากมาก ที่ออกแบบให้ชั้นบนสุดมีสระว่ายน้ำ ถือว่าเป็นจุดเด่นที่สุดของบ้านที่นี่เลยก็ว่าได้
สรุป by Homezoomer
โครงการ One Atelier Private Residence Phaholyothin พัฒนาโดยบริษัท Grand Trinity มีแนวคิดการอยู่อาศัยที่งดงามในทุกแง่มุม ทั้งรูปแบบของสถาปัตยกรรมที่ออกมาเป็นสไตล์ Luxury Modern Classic ให้ความงดงามความหรูหราและฟังก์ชันการอยู่อาศัยเข้ากันได้อย่างลงตัว ทั้งยังอยู่ในทำเลที่สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกใกล้ สามารถเดินทางเชื่อมต่อได้หลายเส้นทาง และยังสามารถเดินทางได้โดยรถไฟฟ้า BTS ใกล้สุดอย่างสถานีเสนานิคม และสถานีรัชโยธินที่อยู่ห่างจากโครงการเพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น ถือเป็นทำเลศักยภาพสำหรับการอยู่อาศัยเป็นอย่างมาก
ตัวโครงการเป็นลักษณะโครงการบ้านแฝด และทาวน์โฮมมีเพียง 13 ยูนิต ทำให้มีความเป็นส่วนตัว จอดรถชั้นใต้ดินโดย Type A รองรับการจอดรถได้ 3 คัน ส่วน Type B มีพื้นที่น้อยกว่าจึงรองรับการจอดรถได้เพียง 2 คันเท่านั้น เมื่อพื้นที่จอดรถไปอยู่ในชั้นใต้ดิน โครงการจึงสามารถออกแบบให้พื้นที่สวนสีเขียวอยู่ตรงกลางเป็นแนวยาวผ่านหน้าบ้านซึ่งเชื่อมกับชั้นที่ 1 ของทุกยูนิตได้เต็มที่ ทำให้โครงการนี้มีความร่มรื่น และสวยงามเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ยังพ่วงมาด้วยความปลอดภัยของลูกบ้านที่ไม่ต้องคอยระวังรถที่จะเข้ามาในพื้นที่โครงการในช่วงขณะกำลังออกมานอกบ้าน ตัวบ้านแม้จะเป็นทาวน์โฮมซึ่งมีความสูงถึง 4 ชั้นครึ่ง แต่ก็สะดวกสบายด้วยลิฟต์ส่วนตัวภายในบ้าน ฟังก์ชันของตัวบ้านก็สามารถจัดพื้นที่ได้อย่างลงตัว สามารถให้ทุกคนมีพื้นที่ส่วนตัวได้แม้กระทั่งคุณแม่บ้านที่มีพื้นที่ทำงานของตัวเองได้เต็มที่บนชั้นใต้ดิน ทำให้ผู้อาศัยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเต็มพื้นที่ตั้งแต่ชั้นที่ 1 จนถึงชั้นดาดฟ้า
จุดเด่นสำคัญอีกจุดจะเป็น Smart Home Smart Lighting การออกคำสั่งด้วยระบบเสียง ช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการอยู่อาศัย ในการควบคุมไฟ แอร์ และระบบรักษาความปลอดภัยผ่านสมาร์ทโฟน ในส่วนการออกแบบฟังก์ชันภายในบ้านสามารถตอบโจทย์ชีวิตแบบ New Normal ที่จะคำนึงถึงการอยู่อาศัย โครงการจึงได้นำสิ่งอำนวยความสะดวกที่เคยอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางมาไว้เป็นพื้นที่ใช้งานภายในบ้าน อย่างเช่นสระว่ายน้ำ และสวนบนชั้นดาดฟ้าที่เป็นส่วนตัว
ทาวน์โฮมในโครงการ One Atelier Private Residence Phaholyothin ทั้งสองรูปแบบมีทั้งหมด 3 ห้องนอน แต่ละห้องมีห้องน้ำเป็นของตัวเองจึงเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็กที่มีลูกไม่เกิน 2 คน คู่รักแต่งงานใหม่ที่ต้องการเรือนหอสำหรับการเริ่มต้นชีวิตคู่หรือคนที่ต้องการความเงียบสงบในการอยู่อาศัย แต่ยังสามารถเดินทางได้สะดวกทั้งรถยนต์ รถไฟฟ้า รวมไปถึงทางด่วนที่ใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที โครงการนี้สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี ด้วยตัวโครงการที่เลือกใช้วัสดุเกรดพรีเมี่ยม โลเคชันที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัย ซึ่งหาได้ยากกับราคาที่เริ่มต้นเพียง 25 ล้าน ถือว่าโครงการนี้ก็คุ้มค่าสำหรับการเริ่มต้นชีวิตครอบครัว สำหรับท่านที่สนใจสามารถเข้าชมโครงการและบ้านตัวอย่างได้แล้ววันนี้
ลงทะเบียนคลิก https://bit.ly/3jKjU26
Tag
เนื้อหาที่น่าสนใจ
คอนโดมิเนียม
- คอนโดใกล้รถไฟฟ้า Airport Link
- คอนโดใกล้รถไฟฟ้า BTS
- คอนโดใกล้รถไฟฟ้า MRT
- คอนโดอารียา (AREEYA PROPERTY)
- คอนโด ลุมพินี LPN
- คอนโดคิวเฮ้าส์ Q.HOUSE
- คอนโดเจ้าพระยามหานคร CMC
- คอนโดอนันดา (ANANDA)
- คอนโดเอพี (AP)
- คอนโดนารายณ์ NARAI PROPERTY
- คอนโดพฤกษา PRUKSA
- คอนโดลลิล LALIN PROPERTY
- คอนโดศุภาลัย SUPALAI
- คอนโดเมเจอร์ MAJOR DEVELOPMENT
- คอนโดเสนา SENA
- คอนโดเอสซี แอสเสท SC ASSET
- คอนโดแกรนด์ ยู GRAND U
- คอนโดปริญสิริ PRINSIRI
- คอนโดแลนด์แอนด์เฮ้าส์ LAND&HOUSES
- คอนโดแสนสิริ SANSIRI
- คอนโดโนเบิล NOBLE DEVELOPMENT
- คอนโดไรมอน แลนด์ RAIMON LAND
คอนโด ใกล้รถไฟฟ้า
-
คอนโด ใกล้ BTS อโศก
-
คอนโด ใกล้ BTS ทองหล่อ
-
คอนโด ใกล้ BTS เอกมัย
-
คอนโด ใกล้ BTS พระโขนง
-
คอนโด ใกล้ BTS อ่อนนุช
-
คอนโด ใกล้ BTS อุดมสุข
-
คอนโด ใกล้ BTS บางนา
-
คอนโด ใกล้ BTS พญาไท
-
คอนโด ใกล้ BTS อารีย์
-
คอนโด ใกล้ BTS สะพานควาย
-
คอนโด ใกล้ BTS สะพานตากสิน
-
คอนโด ใกล้ BTS กรุงธนบุรี
-
คอนโด ใกล้ BTS วงเวียนใหญ่
-
คอนโด ใกล้ BTS บางหว้า
Contact Us
ติดต่อโฆษณาได้ที่
โทร. 02–663–8697
หรือ 092–369–3622
Line : Homezoomer
Facebook : Homezoomer
E-mail : contact@homezoomer.com