สีลม-สาทร เสน่ห์ของย่านเศรษฐกิจที่แฝงกลิ่นอายในอดีต
สีลม-สาทร เสน่ห์ของย่านเศรษฐกิจที่แฝงกลิ่นอายในอดีต
ทุกวันนี้เมื่อเอ่ยชื่อ ถนนสีลม-สาทร หลายคนคงนึกถึงภาพอาคารออฟฟิศ หรือคอนโดมิเนียมสูง ๆ สถาปัตยกรรมดูทันสมัย คนวัยทำงานพลุกพล่านในช่วงกลางวัน และเต็มไปด้วยแสงสีในตอนกลางคืน ด้วยความเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศไทย หรือ CBD (Central Business District) จึงทำให้ที่ดินแถวนี้มีมูลค่ามหาศาล จนปัจจุบันใครที่พักอาศัยอยู่ในย่านนี้มักจะถูกมองว่า เป็นครอบครัวเก่าแก่ของผู้มียศถาบรรดาศักดิ์ หรือไม่ก็เป็นคนมีฐานะดี รวมไปถึงองค์กรต่าง ๆ ที่มีค่านิยมสะท้อนให้เห็นว่า หากบริษัทใดที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในที่แห่งนี้จะสามารถสร้างความน่าเชื่อถือ มีความมั่นคง สร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรตามไปด้วย ด้วยเหตุผลทั้งหมดจึงทำให้มีคนตั้งฉายาเอาไว้ว่า “วอลล์สตรีทของกรุงเทพฯ”
ถนนเส้นนี้มีประวัติมาอย่างยาวนาน เริ่มจากสมัยรัชกาลที่ 4 ตั้งแต่ยังเป็นเพียงคันดินที่เกิดจากการขุดคลอง เพื่อการเกษตรกรรม และเลี้ยงสัตว์ เมื่อมีถนนขยายออกมาก็ย่อมมีประชาชนมาตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยตามมามากขึ้น ทั้งชาวไทย ชาวต่างชาติที่เข้ามาตั้งรกราก และพ่อค้าที่เดินทางด้วยเรือเข้ามาค้าขาย ทั้งชาวจีน อินเดีย ยุโรป ฯลฯ เพราะอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา รวมถึงคลองสายสำคัญที่สามารถเชื่อมต่อกันได้อย่างสะดวก ย่านนี้จึงเปรียบเสมือนเมืองท่า มีความสำคัญทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาตั้งแต่อดีต จนวันเวลาผ่านเลยไป ความเจริญของเมืองถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากที่เคยเป็นทุ่งนาชานเมือง มีเพียงชาวบ้านกับพ่อค้า ก็กลับกลายเป็นใจกลางเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจที่เต็มไปด้วยอาคารสูง มีทั้งนักท่องเที่ยว และนักธุรกิจหลากหลายเชื้อชาติ สิ่งเหล่านี้สามารถผสมผสานกัน ค่อย ๆ หล่อหลอมออกมากลายเป็นเสน่ห์ และความลงตัวของ สีลม-สาทร
ดูจากแผนที่จะเห็นภาพชัดขึ้นถึงความเป็นเมืองท่ามาตั้งแต่อดีต เพราะอยู่ใกล้กับแม่น้ำเจ้าพระยา จนกลายมาเป็นใจกลางเมืองในปัจจุบัน โดยถนนสาทรเริ่มจาก สี่แยกวิทยุเป็นระยะทางเกือบ 4 กิโลเมตร จนถึงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เชื่อมต่อไปยังฝั่งธนฯ แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ถนนสาทรเหนือ จะอยู่ทางฝั่งขาเข้า แขวงสีลม ซึ่งเป็นเขตบางรัก ส่วนถนนสาทรใต้ จะอยู่ทางฝั่งขาออก แขวงยานนาวา และแขวงทุ่งมหาเมฆ เป็นเขตสาทร โดยตลอดทั้งสองฝั่งของถนน เต็มไปด้วย Office Building ชื่อดัง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เช่น อาคารสาธรซิตี้ ทาวเวอร์, อาคารสาธรธานี, เอ็มไพร์ ทาวเวอร์ สาทร, อาคารสาทรสแควร์, สาทรทาวเวอร์, อาคาร Chartered Square และสิ่งอำนวยความสะดวกชื่อดังมากมาย เช่น โรงแรม SO Sofitel, โรงแรม W, โรงแรม Eastin Grand Sathorn, โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์, โรงพยาบาล บีเอ็นเอช, โรงพยาบาลบางรัก, โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย, โรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์สีลม เป็นต้น โดยมีรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้ม 2 สถานี ตัดผ่านบนถนนสาทร ได้แก่ สถานีสุรศักดิ์ กับสถานีสะพานตากสิน อีกทั้งยังสามารถขึ้นทางพิเศษศรีรัชไปบางนา-ดาวคะนอง จากถนนสาทรใต้ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจริญราษฎร์ จะเชื่อมกับทางพิเศษเฉลิมมหานครได้เช่นกัน
ถนนสีลม เริ่มจากสี่แยกศาลาแดง เป็นระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ตรงไปจนสิ้นสุดที่แยกบางรัก เชื่อมต่อกับถนนเจริญกรุง โดยถนนสีลมช่วงต้นซึ่งใกล้กับแยกศาลาแดง เต็มไปด้วยความคึกคักทั้ง 2 ข้างทาง มีบรรดาพนักงานออฟฟิศที่ทำงานในอาคาร อาทิ อาคารสีลม คอมเพล็กซ์, C.P. Tower, อาคารอาคเนย์, United Tower, อาคารบุญมิตร รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน, อาคารธนิยะ พลาซ่า, อาคารสีลม คอมเพล็กซ์, โรงแรมดุสิตธานี ทั้งสองข้างทางส่วนใหญ่เป็นร้านอาหาร คาเฟ่ รวมถึงตลาดละลายทรัพย์ ที่มีทั้งสินค้า และของกินแบบ Street Food ให้เลือกมากมาย เมื่อถึงช่วงเวลากลางคืน บรรยากาศโดยรอบจะกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยว ที่บรรดานักย่ำราตรีโดยเฉพาะชาวต่างชาติ จะได้เดินเที่ยวตามตลาดกลางคืน และสถานบันเทิงภายในซอยธนิยะ ซอยพัฒพงษ์(สีลมซอย 4) กันอย่างคึกคัก
ส่วนถนนสีลมในช่วงปลาย ตั้งแต่สี่แยกสีลม-นราธิวาส ไปจนสุดถนนสีลม ตัดกับถนนเจริญกรุง มีจุดที่สามารถขึ้นทางพิเศษศรีรัชไปทางแจ้งวัฒนะ ถ.พระราม9 โดยเลี้ยวขวาใต้ทางด่วนก่อนถึงแยกบางรัก ซึ่งส่วนมากจะเป็นโรงแรมผสมผสานกับอาคารเก่าแก่ที่ยังคงเอกลักษณ์สถาปัตยกรรมแบบเดิม ๆ ไว้ให้เราเห็นกันอยู่ไม่น้อย บริเวณโดยรอบมีต้นไม้อยู่บริเวณเกาะกลางถนน และริมถนนไปตลอดเส้นทาง ให้ความร่มรื่นและสวยงาม จนแทบไม่น่าเชื่อว่า ย่านนี้คือใจกลาง CBD ของประเทศ ซึ่งมีความแตกต่าง กับสีลมช่วงต้นอยู่ไม่น้อย
ครั้งนี้เราจะพามาเดินชมกัน เริ่มตั้งแต่ BTS สถานีสุรศักดิ์ บนถนนสาทรไปจนถึงถนนสีลมช่วงปลาย ที่สามารถเดินทะลุกันได้ไม่ไกล ในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนทั้งเช้า-เย็น เราจะได้เห็นภาพบรรยากาศความเร่งรีบของวีถีชีวิตคนเมือง ทั้งพนักงานออฟฟิศ และนักเรียนที่อยู่ในย่านนี้
ความสะดวกสบายของการเดินทางย่านใจกลางเมืองไม่ได้มีแค่รถไฟฟ้าเท่านั้น แต่บริเวณนี้ยังมีจุดขึ้น-ลง ทางพิเศษศรีรัช บนถนนเจริญราษฎร์ ซึ่งสามารถเลี้ยวซ้ายจากถนนสาทรขาออก ตรงแยกสาทร-สุรศักดิ์ เพื่อขึ้นทางด่วนไปยังบางนา-ดาวคะนองได้เลย ซึ่งทางพิเศษศรีรัชนี้สามารถไปเชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครได้
ข้ามถนนกลับมาเดินฝั่งถนนสาทรเหนือ ฝั่งขาเข้า พอลงจาก BTS สถานีสุรศักดิ์ เดินมาแค่ประมาณ 100 เมตร ก็จะเจอซอยประมวญ ช่วงเช้าแบบนี้เราจะได้เห็นผู้ปกครองพาลูก-หลาน เดินทางมาส่งเข้าโรงเรียนกันอย่างคึกคัก เพราะบนซอยประมวญแห่งนี้มีโรงเรียนชื่อดังถึง 2 แห่ง คือ โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์สีล ซอยประมวญ เป็นถนนขนาดเล็ก 2 เลนสวนกัน มีระยะทางรวมเพียง 470 เมตร แต่จะมีการจัดเป็นวันเวย์ ตั้งแต่ช่วงที่เชื่อมต่อกับถนนสีลม มาจนถึงสามแยกตรงหน้าโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย เฉพาะช่วงเวลาที่นักเรียนเข้าเรียน และหลังเลิกเรียน ประมาณ 7.00-8.00 น. กับ 15.00-17.00 น. โดยจะมีเจ้าหน้าตำรวจมาคอยอำนวยความสะดวกทุกวัน ฟุตบาททั้ง 2 ข้างถนนกว้างขวางพอสมควร ที่สำคัญคือปูพื้นไว้เรียบร้อย ทำให้สามารถเดินได้อย่างสะดวก
แม้จะเป็นถนนขนาดเล็ก แต่กลับมีความสำคัญ ด้วยความที่สามารถเชื่อมต่อถนนใหญ่ระหว่างสีลม และสาทร ให้เดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งถ้าเราลองเดินเล่นในซอยประมวญจาก BTS สถานีสุรศักดิ์ ไปจนถึงถนนสีลมช่วงปลายจะสัมผัสได้ว่ายังคงกลิ่นอายเสน่ห์ของความเป็นยุคเก่า ผสมผสานเข้ากับความทันสมัยอย่างกลมกลืน กลายเป็นเสน่ห์อันน่าค้นหา ทั้งสถาปัตยกรรมยุคเก่ามีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง และอาคารสูงโดดเด่นทันสมัยของยุคใหม่ ถนนเต็มไปด้วยความร่มรื่นจากต้นไม้ใหญ่ที่มีอายุมาอย่างยาวนาน แม้จะอยู่ใจกลางเมืองที่มีแต่ความวุ่นวายของผู้คน และรถยนต์บนท้องถนนใน มโนภาพของใครหลายคน แต่บางครั้งอาจมีมุมที่ทำให้เราเผลอลืมไปว่า นี่คือใจกลางเมืองแห่งเศรษฐกิจของประเทศ
จาก BTS สถานีสุรศักดิ์ เดินมาถึงพื้นที่โครงการใช้ระยะทางประมาณ 400 เมตร ซึ่งที่ดินเดิมบนซอยประมวญตรงนี้เคยเป็นสถานที่ตั้งของวังประมวญ แต่ในปัจจุบันกำลังจะกลายเป็นคอนโดมิเนียมสูง 37 ชั้น ของบริษัท ไรมอน แลนด์ ที่ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับสภาพแวดล้อมรอบข้าง โดยเฉพาะเสน่ห์อันคลาสสิคของย่านนี้ ทางโครงการพยายามจะให้ลูกบ้านทุกคนได้สัมผัสถึงความเป็นธรรมชาติให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบอาคารที่สามารถระบายอากาศตามธรรมชาติ อาคารสามารถเปิดรับลมตามฤดูกาล พร้อมถ่ายเทอากาศสู่พื้นที่ส่วนกลางได้ดี สร้างสวนสีเขียวขนาดใหญ่ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร เป็นการดีไซน์แบบที่ให้ความกลมกลืนต่อพื้นที่โดยรอบแต่เดิม คำนึงถึงการใช้ชีวิตอยู่จริงของคนยุคใหม่ ที่ต้องการความสะดวกในการเดินทาง แต่ยังคงโหยหาพื้นที่ธรรมชาติบนความสงบส่วนตัว
หากเดินเข้าสู่ซอยประมวญ ฝั่งมุ่งหน้าสู่ถนนสาทร จะเห็นต้นไม้ขนาดใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณหน้าโครงการ ซึ่งผู้พัฒนาโครงการต้องการที่จะรักษาความร่มรื่น และสภาพแวดล้อมไว้เช่นเดิม เป็นอีกหนึ่งความตั้งใจที่จะไม่โค่นทิ้ง เพื่อให้ร่มเงาแก่ผู้อยู่อาศัย และผู้เดินทางบริเวณนั้นได้รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ และรู้สึกร่มเย็น แม้จะมีโครงการใหม่เกิดขึ้นก็ตาม
พื้นที่ของ The Lofts Silom ทั้งหมด 2-0-10 ไร่ รวมแล้ว 268 ยูนิต ความสูงของเพดานเริ่มตั้งแต่ 3 เมตร ไปจนถึง 5.6 เมตร ที่จอดรถประมาณ 204 คัน จะเริ่มก่อสร้างประมาณปลายปี 2560 และคาดว่าจะแล้วเสร็จประมาณไตรมาสที่ 3 ปี 2563 พื้นที่รอบข้างไม่มีอาคารสูงทำให้ไม่มีวิวบล็อค
ส่วนกลางอยู่ที่ชั้น 9 กับชั้น 34 สิ่งอำนวยความสะดวก ได้แก่ พื้นที่สีเขียวตั้งแต่ทางเข้าโครงการไปจนถึงหน้าอาคาร, ล็อบบี้ เพดานสูง, สวนไม้หอม, สนามเด็กเล่นในสวน, ห้องอ่านหนังสือวิวสวน, สวนสมุนไพร, ห้องออกกำลังกาย เพดานสูงพร้อมวิวเมืองมุมกว้าง, สระว่ายน้ำระบบกรองน้ำบริสุทธิ์ แบบไร้ขอบ 25 เมตร แยกสระเด็ก, สระจากุซซี่, สกายเดค, สกายเลาจน์ พร้อมเคาน์เตอร์เตรียมอาหาร, ห้องอบไอน้ำแยกชาย-หญิง, ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม., กล้องวงจรปิด, คีย์การ์ดล็อคชั้น, คีย์การ์ดเข้า-ออกโครงการ, ฟรี Wi-Fi ที่ล็อบบี้ และสระว่ายน้ำ