ทำเลและการเดินทาง

โครงการ THE ORIGIN LADPRAO 15 ตั้งอยู่ภายในซอยลาดพร้าว15 เพียง 450 เมตร จากถนนใหญ่ และ 600 เมตร จาก MRT สถานีลาดพร้าว สำหรับทำเลที่ตั้งของโครงการนี้ถือว่าตั้งอยู่ในจุดศูนย์กลางของแหล่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ทั้งในเรื่องของการเดินทาง, ใกล้แหล่ง Shopping, อยู่ใจกลาง CBD to CBD ที่มี Office Building มากมาย ซึ่งทำให้ทำเลตรงบริเวณลาดพร้าว 15 นี้มีศักยภาพที่โดดเด่น และเป็นที่ต้องการของคนที่กำลังต้องการมีที่อยู่อาศัยที่มีความสะดวกสบายที่สุด

สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวก คือจุดเด่นของ ลาดพร้าว ที่อยู่ในทำเลที่เรียกได้ว่าสะดวกต่อการใช้ชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก สะดวกในการจับจ่ายซื้อของ ใกล้ CBD แหล่งเศรษฐกิจถึง 2 CBD ทำให้คนที่พักอาศัยอยู่ ลาดพร้าว มีเวลาในการทำกิจกรรมอื่นๆ ได้มากเพิ่มขึ้น เพราะใช้เวลาในการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆได้อย่างสะดวก และรวดเร็ว ด้วยระบบการคมนาคมที่มีอยู่บริเวณ ลาดพร้าว ที่มีครบวงจร ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว, รถไฟฟ้า หรือระบบขนส่งอื่นๆ

ลาดพร้าว จะเป็นถนนที่เริ่มต้นตั้งแต่บริเวณห้าแยกลาดพร้าวตัดตรงไปทางทิศตะวันออกจนไปสุดที่บางกะปิ บางกะปิยังเป็นจุดที่เชื่อมต่อไปยัง ถนนเสรีไทย (มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันออกของกรุงเทพ บริเวณมีนบุรี) , ถนนนวมินทร์ (มุ่งหน้าไปยังโซนรามอินทรา ทิศเหนือของกรุงเทพ และถนนศรีนครินทร์ ที่วิ่งไปทางทิศใต้ โซนบางนา จนไปสุดที่สมุทรปราการ

ถนน และเส้นทางสำคัญที่อยู่ใกล้เคียงกับโครงการ THE ORIGIN LADPRAO 15

ถนนวิภาวดี – รังสิต เป็นถนนเส้นยาว และตัดกับถนนเส้นสำคัญๆ เช่นแยกดินแดง, สุทธิสาร, ลาดพร้าว, พหลโยธิน, รัชวิภา, บางเขน, หลักสี่ และยาวจนไปถึงรังสิต เพื่อมุ่งหน้าสู่ภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย

ถนนพหลโยธิน เริ่มจากบริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มุ่งหน้าไปทางเหนือของกรุงเทพฯ โดยตัดกับถนนสำคัญ อย่าง ถนนวิภาวดี-รังสิต, รัชดาภิเษก, เกษตร-นวมินทร์ ยาวไปจนเชื่อมต่อไปถึงภาคเหนือของประเทศ

ถนนรัชดาภิเษก  เป็นถนนเชื่อมฝั่งกรุงธนบุรีและพระนครเข้าไว้ด้วยกัน ถนนรัชดาภิเษกจะเป็นถนนที่มีความยาว และตัดกับถนนเส้นสำคัญในกรุงเทพหลายเส้น ทำให้สามารถเดินทางไปยังจุดต่างๆได้สะดวก และรวดเร็ว โดยเริ่มตั้งแต่ ถนนวิภาวดี – รังสิต, ลาดพร้าว, พระราม 9, เพชรบุรีตัดใหม่, อโศก, สุขุมวิท, พระราม 4, พระราม 3  และกรุงธนบุรี (ท่าพระ)

เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า

รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (MRT) ได้เปิดให้บริการเดินรถต่อเนื่องทั้งระบบ แล้วในปัจจุบัน ช่วงหัวลำโพง-บางซื่อ ระยะทางรวม 47 กิโลเมตร และในปีนี้ 2562 โครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย (สายสีน้ำเงิน) ช่วงบางซื่อ-ท่าพระ(สายน้ำเงินฝั่งเหนือ) และหัวลำโพง-บางแค” ระยะทางรวม 27 กม.ทั้งหมด 21 สถานี

สถานี MRT ลาดพร้าว  มีทางเข้าออกสถานีทั้งหมด 4 ทาง

ทางออก 1 สี่แยกรัชดาภิเษก-ลาดพร้าว

ทางออก 2 ซอยลาดพร้าว 24

ทางออก 3 ซอยลาดพร้าว 17

ทางออก 4 อาคารจอดแล้วจร, ศาลแขวงพระนครเหนือ

ในอนาคตหลังจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสร้างเสร็จ และเปิดให้บริการ บริเวณ MRT สถานีลาดพร้าวจะเป็นจุด Interchange กับ รถไฟฟ้าสายสีเหลืองลาดพร้าว – สำโรง  ต้นสายจะเริ่มต้นตั้งแต่สถานีรัชดา – ลาดพร้าว

รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง

เป็นระบบขนส่งมวลชนประเภทรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (Straddle Monorail) มีลักษณะเป็นโครงสร้างยกระดับตลอดแนวเส้นทาง มีระยะทางทั้งสิ้น 30.4 กิโลเมตร รวม 23 สถานี รถไฟฟ้าสายสีเหลือง Interchange ทั้งหมด 4 จุด

สถานีรัชดา – ลาดพร้าว เชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้ามหานครสายเฉลิมรัชมงคล (MRT)

สถานีลำสาลี เชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี

สถานีพัฒนาการ เชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ และ รถไฟสายตะวันออก

สถานีสำโรง เชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ

ในอนาคตคมีแผนที่จะพัฒนาก่อสร้างโครงการทางเชื่อมต่อระหว่าง รถไฟฟ้าสายสีเหลือง จากสถานีรัชดา – ลาดพร้าว ไปยัง รถไฟฟ้าสายสีเขียวสถานีรัชโยธิน ซึ่งจะเพิ่มความสะดวกสบายในการเดินทางโดยไม่ต้องสลับสายรถไฟฟ้าหลายสายให้ยุ่งยาก

รถไฟฟ้า BTS รถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นสุขุมวิท (ส่วนต่อขยาย)

รถไฟฟ้า BTS รถไฟฟ้าสายสีเขียว เส้นสุขุมวิท (ส่วนต่อขยาย) มาจาก BTS สถานีหมอชิต (ปัจจุบันเส้นหมอชิต – สำโรง) – สถานีคูคต (เส้นต่อขยาย) โดยมีความยาวประมาณ 19 กิโลเมตร จำนวน 16 สถานี เริ่มตั้งแต่ สถานีหมอชิต ข้ามทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์บริเวณห้าแยกลาดพร้าว – ถนนลำลูกกา คลองสอง (บริเวณสถานีคูคต)

ภายในสถานีลาดพร้าว บริเวณชั้นบนสุดของสถานี กลุ่มเดอะมอลล์ได้ดำเนินการเช่าพื้นที่ทั้งชั้นจาก บริษัท บางกอกเมโทรเน็ตเวิร์ค จำกัด เพื่อเปิดสาขาของกูร์เมต์ มาร์เก็ต ที่สถานีแห่งนี้ โดยเปิดในรูปแบบของซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลาง (2,000 ตารางเมตร) เน้นสินค้าบริโภคประเภท Grab and Go ร้านอาหารระดับห้าดาวที่รังสรรค์โดยเชฟฝีมือคุณภาพ และร้านอาหารประเภท Take Home เริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่ 19 กันยายน พ.ศ. 2560 เวลา 7.00 – 22.00 น.  โดย Gourmet Market จะอยู่ที่ ทางออกที่ 4 ของสถานีลาดพร้าว ซึ่งเป็นทางออกที่เชื่อมต่อกับ อาคารจอดแล้วจร เป็นอาคารจอดรถสูง 9 ชั้น มีความจุถึง  2,500 คัน

ภายใน Gourmet Market แห่งนี้ แบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ๆ ด้วยกัน โซนแรกจะเป็นร้านอาหาร มีทั้งแบบสั่งแล้วนั่งทานได้เลย หรือแบบซื้อกลับบ้านก็ได้เช่นกัน อีกโซนนึงจะเป็นซุปเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีอาหารกล่องที่ซื้อแล้วมีบริการไมโครเวฟ อุ่นพร้อมทานได้เลย กับโซนสินค้า ข้าวของเครื่องใช้ ที่ขายคล้ายกับ กูร์เมต์ มาร์เก็ต สาขาอื่นๆ อย่างพารากอน หรือเทอร์มินอร์ 21 มีทั้งสินค้าของไทย และสินค้านำเข้าเพื่อรองรับชาวชาติที่อยู่ในย่านลาดพร้าวนี้

การเดินทางไปยังโครงการก็แสนจะง่ายดาย เริ่มต้นจากต้นถนนลาดพร้าวที่เชื่อมต่อมาจากห้าแยกลาดพร้าว โดยจะขับเริ่มจาก Union Mall ฝั่งขาออกมุ่งหน้าไปบางกะปิ

ให้ขับตามทางไปก่อนนะครับ ข้างหน้าซ้ายมือจะมี BigC พอถึง BigC แล้วให้เตรียมตัวชิดซ้ายเพื่อที่จะเลี้ยวซ้ายเข้าซอยลาดพร้าว 15

พอผ่าน BigC มาเรียบร้อยก็ชิดซ้ายเตรียมเลี้ยวซ้ายเข้าลาดพร้าว15 ด้านหน้าตามรถที่เลี้ยวเลยครับ สังเกตง่ายๆ จากป้ายเขียวบอกเส้นทางลัดให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย ซึ่งสามารถใช้เป็นเส้นลัดไปออกยังพหลโยธินได้

พอเข้ามาภายในลาดพร้าว15 ให้ขับตรงตามทางไปก่อนนะครับ บรรยากาศจะเป็นถนน 2 เลนวิ่งสวนกัน มีที่พักอาศัยเรียงตลอดแนวถนน 2 ข้างทาง ซึ่งจะไม่ค่อยมีอาคารสูงๆให้เห็นมากนัก

พอขับเข้ามาได้นิดนึงให้สังเกตว่า จะเจอโค้งซ้ายตามภาพ นั่นคือคุณขับมาถูกทางแล้ว ขับตรงไปอีกนิดก็ถึงละครับ

ผ่านโค้งมาก็ขับตรงไปก่อน ที่ตั้งโครงการ THE ORIGIN LADPRAO15 จะอยู่ตรงโค้งหน้าครับ

ถึงละครับที่ตั้งของโครงการ ซึ่งจะอยู่บริเวณโค้งพอดี ระยะทางจากถนนใหญ่เข้ามาถึงโครงการประมาณ 450 เมตร

THE ORIGIN LADPRAO 15 สไตล์ Iconic Black & White เป็นคอนโดที่ออกแบบมาภายใต้แนวคิด เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา โทนสีของอาคารเลือกใช้เป็น  MONO TONE สีขาว เทา ดำ ที่แฝงไปด้วยความเท่ อย่าง Smart ซึ่งจะเหมาะกับคนรุ่นใหม่มี Lifestyle ชอบใช้ชีวิตในเมืองแบบ  CONNECT & SHARE สำหรับตัวอาคารออกแบบมาเป็นรูปตัว L โดยมีส่วนกลางอยู่ตำแหน่งตรงกลางบนชั้นที่ 2

พื้นที่ Landscape ของชั้นที่ 2 ออกแบบให้เป็นลักษณะของงาน art piece มีพื้นที่ส่วนกลางที่เป็น Double Space ออกแบบพื้นที่เป็นส่วนๆโดยเน้นการเชื่อมต่อทั้งจากภายในสู่ภายนอก และพื้นที่ภายนอกต่อภายนอกแต่ละส่วน

Landscape ของชั้นที่ 8 จะออกแบบให้มีพื้นที่ SEMI OUTDOOR โดยเชื่อมต่อมาจากชั้นที่ 8 ขึ้นมา Roof Garden (indoor – outdoor )

Roof Garden ออกแบบให้เป็นพื้นที่พักผ่อน สีสวนสีเขียว และพื้นที่ BBQ

Floor Plan

โครงการ THE ORIGIN LADPRAO 15 ตั้งอยู่ภายในซอยลาดพร้าว 15 ตัวที่ดินจะอยู่ช่วงมุมของถนนทำให้มี Shape เป็นรูปสี่เหลี่ยมคางหมู โดยเอาทางเข้าออกโครงการอยู่ทางทิศใต้ ตัวอาคารที่พักอาศัยสูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร 163 ยูนิต บนที่ดินประมาณ 1 – 1 – 6 ไร่  โดยมีที่จอดรถประมาณ 40% (รวมซ้อน)

1^st Floor Plan ทางเข้าออกโครงการจะหันไปทางทิศใต้ พอเข้ามาภายในโครงการด้านหน้าจะเป็นทางขึ้นไปยัง Lobby ที่อยู่บนชั้นที่ 2 ถัดเข้ามาภายในบริเวณช่วงตรงกลางจะเป็นโถงลิฟท์โดยสารจำนวนทั้งสิ้น 2 ตัว และนอกนั้นจะเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถ และพื้นที่สีเขียวตามจุดต่างๆรอบโครงการ

2^nd Floor Plan ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นตั้งแต่ชั้นนี้ และเป็นพื้นที่ในส่วนของ Facility ด้วยเช่นกัน เริ่มตั้งแต่ด้านหน้าโครงการ ทางทิศใต้ จะเป็นในส่วนของ Facility ที่เชื่อมต่อขึ้นมาจากชั้นที่ 1 ถ้าดูจาก Floor Plan ส่วนแรกที่เจอพอขึ้นมาบนชั้นที่ 2 จะเป็นพื้นที่ของสระว่ายน้ำที่ถูกออกแบบมาให้มีขนาด 17 x 6 เมตร โดยมีพื้นที่สีเขียวอยู่บริเวณรอบๆ ถัดเข้ามาในส่วนของ Visitor Lobby Hall ที่จะอยู่ในตำแหน่งด้านหน้าสุด โดยจะเชื่อมต่อเข้าไปยัง Co – Working Space ที่เป็นพื้นที่สำหรับผู้ที่พักอาศัยที่นี่เท่านั้น โดยบริเวณในส่วน Co-Working Space เปิด 24 ชั่วโมง จะเชื่อมต่อขึ้นไปยังชั้นที่ 3 เป็นห้อง Fitness และ Gadget Room

สำหรับ Facility อื่นที่อยู่บนชั้นที่ 2 จะมี Meeting Room, Co-Passion Studio, Self-Storage, Mail Box & Smart Locker, Sharing Service, Office Supply และ Laundry ถ้าดูจาก Floor Plan จะเห็นได้ว่าทางเข้าไปยังในส่วนที่พักอาศัย กับทางเข้าไปยัง Lobby นั้นจะถูกแยกออกจากกัน โดยทางเข้าออกในส่วนที่พักอาศัยนั้นจะมีอยู่ 2 จุดหลักๆ คือทางเข้าด้านหน้า และทางเข้าบริเวณโถงลิฟท์โดยสาร

สำหรับที่พักอาศัยบนชั้นนี้จะมีจำนวนทั้งสิ้น 20 ยูนิต อาคารจะเป็นรูปตัว L โดยเอาห้องแบบ 2 ห้องนอนไว้ในตำแหน่งมุมทางเหนือ จำนวน 1 ยูนิต และห้องแบบ 1 Bedroom Plus ทางทิศใต้ 1 ยูนิต และตะวันออกอีก 1 ยูนิต นอกนั้นจะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด โดยจะแบ่งเป็น B1 จำนวน 6 ยูนิต B2 จำนวน 6 ยูนิต และB3 จำนวน 4 ยูนิต

3rd Floor Plan สำหรับชั้นนี้จะมีพื้นที่ของ Fitness และ Gadget Room เชื่อมต่อมาจากชั้นที่ 2 ส่วนห้องพักอาศัยจะมีจำนวนทั้งสิ้น 20 ยูนิต ซึ่งจะเหมือนกับชั้นที่ 2

4th Floor Plan

5th Floor Plan

6^th Floor Plan

4^th – 7^th Floor Plan จะเหมือนกันทั้งหมด โดยมีห้องพักอาศัยจำนวนทั้งสิ้น 25 ยูนิต แบ่งออกเป็น

1 Bedroom มีขนาดตั้งแต่ 24.50 – 29.00 ตร.ม. โดย Layout หลักๆ Layout จะมีอยู่ 2 แบบคือ B1 ห้องแบบครัวด้านหน้า หันไปทิศตะวันตก และ B2 หันไปทิศเหนือ  B3 หันไปทิศใต้ เป็นแบบครัวด้านใน ซึ่งในเรื่องขนาดแต่ละทิศจะมีขนาดแตกต่างกัน

1 Bedroom Plus แบ่งเป็น 2 TYPE มีขนาดตั้งแต่ 35 -36 ตร.ม. TYPE BP2 -01 ห้องมุมทางทิศใต้ ตั้งแต่ชั้น 2 – 7 จำนวนเพียง 1 ยูนิต/ชั้น และ TYPE BP1 – 01 ห้องมุมทางทิศตะวันออก+เหนือ ตั้งแต่ชั้น 2 – 7 จำนวนเพียง 1 ยูนิต/ชั้น เช่นกัน

2 Bedroom TYPE C1-01 ขนาด 45.50 ตร.ม. ห้องจะอยู่ทางทิศเหนือตั้งแต่ชั้นที่ 2  – 8 มีเพียง 1 ยูนิต/ชั้น

8^th Floor Plan สำหรับชั้นนี้จำนวนยูนิตจะลดเหลือ 23 ยูนิต ซึ่งยูนิตที่หายไปนั้นจะเป็นห้องแบบ B3 เปลี่ยนเป็นพื้นที่ส่วนกลางโดยจะเป็นทางขึ้นไปยังชั้น Roof Garden และห้องแบบ 1 ห้องนอน ตำแหน่งห้องมุมทางทิศใต้จะเปลี่ยนจาก TYPE BP2 ขนาด 36.10 ตร.ม. ไปเป็น Type พิเศษที่มียูนิตเดียวทั้งโครงการซึ่งจะได้พื้นที่ระเบียงกระจกขนาดใหญ่

Roof Garden Floor Plan สำหรับชั้นนี้จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางโดยทางโครงการจะทำเป็น Rooftop Garden ไว้สำหรับเป็นที่พักผ่อนชมวิว

1 Bedroom Type B1 ห้องแบบนี้จะอยู่ทางทิศตะวันตกทั้งหมด จำนวนทั้งสิ้น 6 ยูนิต โดยห้องแบบนี้จะมีการ Mirror สลับกัน  Layout ถูกออกแบบมาให้ฟังก์ชั่นการใช้งานในส่วนต่างๆแยกออกจากกันได้อย่างชัดเจน โดยนำส่วนครัวมาไว้ด้านหน้าทางเข้า  และกั้นส่วนกับห้องนอนที่อยู่ถัดเข้ามาด้านในด้วยประตูกระจกแบบบานเลื่อน ส่วนพื้นที่ห้องน้ำจะถูกกั้นแยกออกมาไว้ด้านข้าง โดยจะมี Smart Closet ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำและระเบียงด้านนอก จุดเด่นสำหรับห้องแบบนี้คือการจัดวาง Layout ของส่วน ต่างๆ บนขนาดนี้ได้อย่างลงตัว และเหมาะกับการอยู่อาศัยจริงๆ แยกเป็น 2 ข้าง โดยเอาส่วนใช้งานไว้ด้านหน้าทั้งหมด และเอาส่วนพักผ่อนไว้ด้านใน ถ้าดูจากฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องนี้น่าจะเหมาะกับคนโสดหรือคู่รักที่มี Lifestyle ที่ต้องออกไปทำงานช่วงเช้ากลับมาช่วงเย็นๆ ชอบที่จะทานอาหารนอกบ้าน โดยไม่เน้นทำอาหารภายในห้องนอนมากนัก

1 Bedroom Type B2 ตำแหน่งของห้อง TYPE นี้จะหันไปทางทิศเหนือมีจำนวนทั้งสิ้น 6 ยูนิต/ชั้น แต่ห้องพักจะมีการ Mirror สลับกัน ทำให้ทิศเตียงนอนหันสลับกัน ตรงนี้ต้องเลือกเอาทิศที่ต้องการดีๆนะครับ แต่รูปแบบ Layout ฟังก์ชั่นจะเหมือนกัน ในการจัด Layout ของห้องแบบนี้จะเอา Living Area มาไว้ด้านหน้าทางเข้าห้องถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยประตูกระจกใสแบบบานเลื่อน ดังนั้นพื้นที่พักผ่อนจะอยู่เชื่อมติดกัน ข้อดี ในส่วนนี้คือการที่เอาพื้นที่ Living เชื่อมกับห้องนอนโดยใช้กระจกกั้นนั้น เวลาเปิดประตูเข้ามาภายในห้อง การมองเห็นจะทำให้ห้องดูกว้างขึ้น สามารถมองจากด้านหน้าจนไปด้านในสุดโดยไม่มีอะไรมาบังสายตา ในส่วนพื้นที่ใช้งานอย่างห้องน้ำ และครัวที่เชื่อมต่อกับระเบียง จะอยู่ในตำแหน่งด้านข้างของห้อง สำหรับห้องนี้จะได้เป็นครัวปิด ซึ่งจะเหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารเป็นอย่างมาก

1 Bedroom Type B3 ตำแหน่งของห้อง TYPE นี้จะหันไปทางทิศใต้ และตะวันออก สำหรับห้องแบบนี้ออกแบบ Layout โดยมีฟังก์ชั่นเหมือนกับ 1 Bedroom TYPE B2 ซึ่งแบบ B3 นี้จะแตกต่างกับ B2 ตรงตำแหน่งของห้องที่หันคนละทิศ และมีขนาดที่ใหญ่กว่า

1 Bedroom Type B4 ขนาด 35 ตร.ม. สำหรับห้องนี้ทั้งโครงการจะมีเพียง 1 ยูนิตเท่านั้น อยู่บนชั้นที่ 8 เป็นห้องมุมทางทิศใต้ ชุดครัวจะ Built in เป็นตัวไอขนานไปกับผนัง ไม่ทำให้กินพื้นที่ ห้องน้ำเป็น Double Access เข้าจากห้องนอนก็ได้ หรือจะเข้าจากด้านนอกก็เข้าได้ ส่วน Living Area จะเชื่อมต่อออกไปยังระเบียงด้านนอก ทำให้ห้องดูกว้างไม่อึดอัด บวกกับห้องนี้จะได้พื้นที่ระเบียงกระจกขนาดใหญ่

1 Bedroom Plus TYPE BP1 ขนาด 35.50 ตร.ม. สำหรับห้องแบบนี้จะเป็นห้องมุมตำแหน่งจะอยู่ทางทิศตะวันออกของอาคาร ซึ่งห้องแบบนี้จะมีเพียง 1 ยูนิตต่อชั้น สำหรับฟังก์ชั่นที่เพิ่มขึ้นมาจะเป็นในส่วนของห้องซึ่งสามารถ ทำเป็นห้องนอน,ห้องนั่งเล่น, ห้องทำงาน หรือจะเป็นห้องเก็บของก็ทำได้ ลักษณะของห้องนี้คือหน้าจะกว้าง ทำให้พื้นที่ในแต่ละส่วนดูกว้างกว่าห้องอื่นๆ เริ่มตั้งแต่พื้นที่ครัว และ Living Area ที่อยู่ด้านหน้าสุดถัดจากประตูทางเข้า พื้นที่ 2 ส่วนจะเชื่อมต่อกันเป็นพื้นที่โล่ง ทำให้ห้องดูไม่อึดอัด บวกกับชุดครัวจะวางขนานเข้ามุมไปกับผนัง ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้นโดยไม่กินพื้นที่ในส่วนอื่น ถัดมาจะเป็น Living Area ที่เชื่อมต่อมาจากส่วนครัว สามารถวางชุดโซฟา, โต๊ะกลาง และBuilt in ชั้นวางทีวีได้อย่างลงตัวพอดีกับพื้นที่ สำหรับ Origin ถ้าสังเกตดีๆ การออกแบบ Layout ของห้องส่วนใหญ่จะไม่เอาระเบียงมาไว้ภายในห้องนอน เพราะการใช้งานของระเบียงส่วนใหญ่จะใช้เป็นพื้นที่ตากผ้า ซึ่งจะไม่เหมาะแน่ ถ้าจะต้องถือผ้าเปียกๆผ่านห้องนอนทุกครั้งที่ซักผ้า ดังนั้นการที่มีระเบียงอยู่นอกห้องนอน เวลาซักเสื้อผ้าเสร็จ ก็จะนำไปตากที่ระเบียงโดยตรงไม่ผ่านห้องนอน ส่วนห้องน้ำจะอยู่ในตำแหน่งตรงกลางห้อง และถัดเข้าไปด้านในสุดจะเป็นห้องนอน และห้องที่เพิ่มขึ้นมา

1 Bedroom plus TYPE BP2 ขนาด 36 ตร.ม. สำหรับห้องนี้จะเป็นห้องมุม ตั้งแต่ชั้นที่ 2 – 7 มีเพียง 1 ยูนิต/ชั้น ตำแหน่งของห้องจะอยู่ทางทิศใต้ ลักษณะของห้องจะเป็นห้องหน้ากว้างมาก ฟังก์ชั่นการใช้งานเลยถูกแบ่งออกเป็นส่วนๆได้อย่างลงตัว โดยแยกห้องนอนไปไว้ทั้ง 2 ข้างโดยมี Living Area, ครัว และห้องน้ำกั้นไว้ตรงกลาง จุดเด่นของห้องนี้คือสามารถรับวิวได้ถึง 3 ด้าน ได้ลมจากทิศใต้ และได้แดดทั้งเช้า และบ่าย สำหรับหัวเตียงจะหันหัวไปทางทิศเหนือทั้ง 2 ห้อง ในส่วนของครัวจะได้เป็นครัวปิดที่มีหน้าต่างไว้ระบายกลิ่นออกไปยังด้านนอกโดยตรง สำหรับห้องนี้ถือว่าน่าจะเป็นที่สนใจเป็นมาก ด้วยจำนวนยูนิตที่มีน้อย, เป็นห้องมุมรับวิวได้ถึง 3 ด้าน และขนาดกำลังพอดีไม่ใหญ่มาก ทำให้ราคาของห้องไม่น่าจะสูงจนเกินไป เป็นยูนิตที่น่าสนใจเป็นอย่างมากครับ

2 Bedroom Type C1-01 ขนาด 45.50 ตร.ม. สำหรับโครงการนี้จะมีห้องแบบ 2 ห้องนอนเพียงแบบเดียว ตำแหน่งอยู่ตรงกลางของอาคาร และเป็นห้องมุม Layout ของห้องจัดฟังก์ชั่นส่วนต่างๆได้อย่างลงตัว แยกส่วนห้องนอนทั้ง 2 ห้องไปไว้ด้านใน และเอาส่วนใช้งานอย่างครัว และ Living Area มาไว้ด้านหน้า สิ่งที่ได้คือครัวปิด และพื้นที่ Living area กว้างยาวและเชื่อมต่อออกไปยังระเบียง โดยไม่มีอะไรมาบังสายตา ในส่วนของห้องนอนจะมีห้องน้ำแบบ Double Access กั้นอยู่กึ่งกลาง ภายในห้องน้ำแยกส่วนแห้ง และเปียกไว้ให้เรียบร้อย ถ้าดูจากพื้นที่และฟังก์ชั่นแล้ว สำหรับห้องนี้เหมาะกับครอบครัวที่มีสมาชิกประมาณ 2 – 3 คน

สำหรับห้องตัวอย่างของโครงการ THE ORIGIN LADPRAO 15 จะใช้ SALES GALLERY เดียวกับโครงการ THE ORIGIN RATCHADA – LADPRAO ภายในซอยลาดพร้าว 23 โดยจะมีห้องตัวอย่างให้ชม 3 แบบ

แต่สำหรับโครงการ THE ORIGIN LADPRAO 15 จะมีแบบห้องให้ชมเพียง 2 แบบ เท่านั้นนะครับ

1 Bedroom TYPE B2 ขนาด 27 ตร.ม. Layout เหมือนกัน แต่ขนาดอยู่ที่ 26.50 ตร.ม.

1 Bedroom TYPE B1 ขนาด 27 ตร.ม. Layout จะต่างกันตรงทางเข้า Smart Walk in Closet สลับตำแหน่งกัน และขนาดเล็กกว่า 24.50 ตร.ม.

ห้องตัวอย่างแรกเป็นห้องแบบ 1 Bedroom TYPE B2 สำหรับ Layout ออกแบบมาให้ฟังก์ชั่นของห้องแยกเป็นส่วนต่างๆ ได้ อย่างชัดเจน ห้องที่ได้รับมอบนั้นจะเป็นห้องแบบ Fully Fitted โดยจะ Built-in ชุดครัว ที่มาพร้อมด้วย HOOD, HOB, ซิงค์ HAFELE, ตู้เสื้อผ้า, ตู้เก็บของ,ฐานเตียง 5 ฟุต, ชั้นทีวี และแอร์ โดยมีความสูงภายในห้อง Floor to Ceiling 2.50 เมตร และพื้นภายในห้องปูด้วยไม้ลามิเนต 8 mm

ส่วนประตูเข้าออกเลือกใช้เป็น Digital Door Lock แบรนด์ Liliwise  สามารถตั้งอายุการใช้งานพาสเวิร์ดได้ เช่นให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดก็สามารถตั้งระยะเวลาของพาสเวิร์ดเพียง 1 ครั้ง หรือ 1 ชม. หลังจากใช้แล้วพาสเวิร์ดก็จะหมดอายุลงตามกำหนดเวลาที่เราตั้งไว้ เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านมากขึ้น

เปิดประตูเข้ามาสิ่งแรกที่เจอจะเป็นพื้นที่ Living Area ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องนอนที่กั้นส่วนด้วยประตูกระจกแบบบานเลื่อน และอีกข้างของห้องจะเป็นห้องน้ำ และครัวที่แยกออกไปด้านข้าง

บริเวณ Living Area สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่เป็นแนวยาวชิดผนัง ชุดโซฟาที่เห็นนี้สามารถนั่งได้ 3 – 4 ท่านเลยนะครับ และยังมีโต๊ะกลางดีไซต์เก๋ๆ วางไว้ตำแหน่งกลางห้อง

ทางโครงการจะ Built in ชั้นวางทีวี และช่องเก็บของเปิดปิดได้ มาให้ตามภาพนี้เลยครับ

มองย้อนกลับไปมุมนี้จะเห็นตำแหน่งที่วางชุดโซฟาได้ชัดเจน

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นห้องนอนที่กั้นส่วนกับ Living area ด้วยประตูกระจกแบบบานเลื่อน 3 ตอน กรอบอลูมิเนียมสีดำทำให้ห้องดูเรียบหรู

มุมนี้จะเห็นได้ว่ามีพื้นที่วางตู้เล็กๆ ระหว่างโซฟากับประตูกระจกได้อีกด้วย และถัดเข้าไปภายในห้องนอนจะเป็นตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าวางติดผนังสูงจากพื้นถึงฝ้า

ถัดจากตู้เสื้อผ้าเข้าไปจะเป็นเตียงขนาด 5 ฟุต โดยทางโครงการจะติดตั้งฐานเตียงไว้ให้เรียบร้อย

หน้าต่างภายในห้องนอนจะเป็นกระจกใสบานใหญ่ที่สูงจากพื้นถึงฝ้า ทำให้ห้องดูโปร่งโล่งสบายตา ข้อดีของการติดตั้งประตูกระจกใสภายในห้องคือ การมองจากหน้าห้องเข้าไปภายในสุดจะไม่มีอะไรมาบังสายตา จะทำให้ห้องดูกว้างกว่าปกติ ไม่อึดอัด สามารถรับแสงจากด้านนอกได้อย่างเต็มที่

มุมย้อนจากปลายเตียงบริเวณมุมห้องนอนกลับไปด้านหน้าทางเข้า จะเห็นได้ว่า Layout การจัดวางตกแต่งเฟอร์นิเจอร์นั้นจะวางในตำแหน่งด้านข้างเป็นแนวเดียวกันทั้งหมด ซึ่งจุดนี้สำคัญมาก ถ้าวางไว้ในตำแหน่งที่ถูกต้องก็จะมีพื้นที่ใช้สอยได้มากขึ้น

ส่วนถัดไปจะเป็นพื้นที่ใช้งานของครัว และห้องน้ำ จะเห็นได้ว่าพื้นที่ของครัวจะอยู่อีกข้างของห้องนอน ซึ่งครัวที่ได้จะเป็นครัวปิด และยังเชื่อมต่อออกไปยังระเบียงด้านนอก ดังนั้นตัดในเรื่องกลิ่นเวลาทำอาหารเข้าสู่ภายในส่วนพักผ่อนอย่างห้องนอนออกไปได้เลย

เดี๋ยวจะเข้าไปชมในส่วนของครัว และห้องน้ำที่แยกไปอยู่ตำแหน่งด้านข้างของห้อง เป็น Layout ที่สามารถอยู่ได้จริงๆ ทั้งประหยัด และใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า พื้นที่ระหว่างครัวกับห้องน้ำจะมีพื้นที่ว่างสำหรับ Built in เป็นโต๊ะ ที่มาพร้อมกับชั้นเก็บของ ซึ่งห้องตัวอย่างจะ Built in ตกแต่งไว้ให้เป็นไอเดียเท่านั้น

เข้ามาภายในครัว ห้องแบบนี้จะได้เป็นครัวปิดเชื่อมต่อกับระเบียงด้านนอก กั้นส่วนด้วยประตูกระจก ห้องที่ได้รับมอบทางโครงการจะ Built in ชุดครัวทั้งตู้บนตู้ล่างที่มาพร้อมกับ Hood Hob ที่ล้างจาน

ชุดครัวที่ Built in มาให้นั้นจะเว้นช่องสำหรับวาง Microwave ไว้ให้เรียบร้อย ไม่ต้องไปวางเกะกะที่อื่น

Top ครัวจะเป็นหินสังเคราะห์สีเข้ม ที่ติดตั้งเตาไฟฟ้ามาให้ตามภาพนี้เลยครับ

นอกจากเตาไฟฟ้าแล้ว ก็ติดตั้งเครื่องดูดควันมาให้อีกเช่นกัน

พื้นที่ระเบียงด้านนอกจะเป็นตำแหน่งของเครื่องซักผ้า ทางโครงการได้เดินท่อไว้ให้ในตำแหน่งนี้ให้เรียบร้อย ส่วนด้านบนเครื่องซักผ้าจะเป็นจุดที่ติดตั้ง Condensing Unit ข้อดีของการหันข้างเข้าระเบียงคือจะช่วยให้ผ้าที่ตากแห้งเร็ว แต่ใครที่ไม่ชอบไอร้อนที่ออกมา แนะนำว่าให้ติดตั้งตะแกรงที่ดันลมออกไปด้านนอกไว้ก็จะช่วยได้เยอะเลยครับ

ส่วนสุดท้ายคือห้องน้ำ

ภายในห้องน้ำจะกั้นแยกส่วนแห้ง และเปียกด้วย Shower Box กระจกใสมาให้เรียบร้อย สุขภัณฑ์ที่เลือกใช้เป็น American standard ติดตั้งกระจกมาให้เต็มบาน รูปทรงอ่างเป็นทรงเหลี่ยมที่มีช่องเก็บของอยู่ด้านล่าง ภายใน Shower Box เจาะช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เรียบร้อย

รูปทรงของโถสุขภัณฑ์ American Standard

Hand Shower และช่องสำหรับเก็บของ ผนังปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้สีอ่อน

พื้นภายในห้องน้ำปูด้วยแกรนิตโต้ขนาด 30*30

ห้องตัวอย่างที่ 2 เป็นห้องแบบ 1 Bedroom สำหรับห้องตัวอย่างห้องนี้ Layout จะไม่เหมือนกับ Unit Plan – TYPE B1 ตัว  ลาดพร้าว15 ถ้าดูจากรูปด้านบน UNIT PLAN ของห้องตัวอย่างทางเข้าไปยัง Smart Walk in Closet จะอยู่ด้านในช่วงตำแหน่ง  เดียวกับเตียง ซึ่งจะแตกต่างกับตัวโครงการ THE ORIGIN LADPRAO15 สลับกันที่ทางเข้าไปยัง Smart Walk in Closet อยู่บริเวณด้านหน้าติดกับครัว

ห้องตัวอย่างนี้ ถ้าดูจากแปลนห้องดีๆ จะคล้ายกับแปลนห้องทั่วไป แต่ห้องของ THE ORIGIN กลับปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นให้ห้องนี้มีพื้นที่พักผ่อนที่มากขึ้น และมีพื้นที่ Smart Walk in Closet เพิ่มขึ้นมา

Smart Walk in Closet ที่เพิ่มขึ้นมาคือ THE ORIGIN จะสลับตำแหน่งการกั้นส่วนด้วยประตูกระจกใส แบบบานเลื่อน จากโดยปกติจะกั้นระหว่างห้องนอน กับ Living area + ส่วนครัว แต่ที่นี่กลับสลับมากั้นส่วนครัวแทน และนำพื้นที่ Living area กับห้องนอนมารวมเป็นพื้นที่เดียวกัน สิ่งที่ได้คือพื้นที่พักผ่อนจะดูกว้างขึ้นมาทันที

สำหรับ Layout ห้องนี้จะออกแบบมาเอาใจคนที่ชอบมีพื้นที่พักผ่อนกว้างๆ มีที่เก็บของเยอะๆ โดยฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องนี้จะแยกส่วนครัวมาอยู่ด้านหน้าสุด และกั้นพื้นที่พักผ่อนที่อยู่ด้านในด้วยประตูกระจกใส ทำให้พื้นที่พักผ่อนเพิ่มขึ้น

ห้องพักอาศัยที่นี่เป็นแบบ Fully Fitted ทางโครงการจะ Built in ชุดครัว ติดตั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน ซิงค์ HAFELE, ตู้เสื้อผ้า , ตู้เก็บของหน้าห้อง,ฐานเตียง 5 ฟุต และชั้นวางทีวี

ตำแหน่งของชุดครัวจะ Built in เป็นตัว I ขนานไปกับผนังตั้งแต่ด้านหน้าสุดของห้อง

ชุดครัวที่ได้จะติดตั้งทั้งตู้บน และตู้ล่างมาให้เรียบร้อย

Top ครัวจะเป็นหินสังเคราะห์สีเข้ม ที่ติดตั้งเตาไฟฟ้ามาให้ตามภาพนี้เลยครับ

ภายในครัวพื้นจะปูด้วยกระเบื้องแกรนิตโต้ ส่วนภายในห้องนอนจะปูด้วยไม้ลามิเนตสวยงาม

ถัดเข้ามาภายในห้องจะเป็นส่วนของ Living Area และห้องนอน ซึ่งถ้าไม่มีประตูกั้นตรงครัว จะดูคล้ายกับเป็นห้องแบบ Studio

ตำแหน่งการวางโซฟา และเตียง ถ้าดูจากภาพนี้จะเห็นได้ว่าขนาดของโซฟาค่อนข้างมีขนาดใหญ่เลยทีเดียว น่าจะนั่งได้ประมาณ 5 คน  แต่โซฟาไม่ได้ให้มากับห้องนะครับ ตกแต่งให้เป็นไอเดียเท่านั้น

มองย้อนกลับไปด้านหน้าทางเข้า ที่เห็นตรงมุมห้องจะเป็นตำแหน่งวางตู้เย็นที่จะอยู่ตรงข้ามกับชุดครัว

มุมนี้จะเห็นชั้นวางทีวีที่ทางโครงการจะ Built in มาให้กับห้อง และจุดเด่นของห้องนี้อีกอย่างคือความสูงของประตูกระจกแบบ บานเลื่อนที่กั้นส่วนครัว ทำให้ห้องดูโปร่ง ไม่อึดอัด ถือว่าโครงการนี้ทาง ORIGIN จัดของดีมาให้ทั้งนั้นเลยครับ

ZOOM ให้เห็นถึงฟังก์ชั่นการใช้งานของชั้นวางทีวี

ตำแหน่งของเตียงจะวางเข้ามุมด้านในสุดติดกับหน้าต่างที่เป็นกระจกใสบานใหญ่ สามารถรับแสงธรรมดาจากด้านนอกได้เต็มๆ

ตอนนี้ยืนอยู่ด้านในสุดของห้องมองย้อนกลับไปด้านหน้าทางเข้า จะสามารถเห็นภาพรวมของห้องที่โปร่งโล่ง ไม่มีอาคารมาบังสายตาเลย เป็นการจัด Layout ที่ลงตัวสุดๆ ในส่วนซ้ายมือจะเป็น Smart Walk in Closet ที่เชื่อมต่อกับห้องน้ำ

มาถึงจุดเด่นของห้องนี้กันแล้วครับ Smart Walk in Closet  เพิ่มพื้นที่ตู้ให้ใหญ่ขึ้นได้อย่างลงตัว แถมใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า

Smart Walk in Closet จะถูกแยกมาอยู่บริเวณด้านข้างของห้องพัก สำหรับห้องนี้ออกแบบมาให้มีพื้นที่ของตู้เสื้อผ้ามากขึ้น โดยไม่ไปกินพื้นที่ในส่วนอื่นๆ แถมยังเชื่อมต่อกับห้องน้ำ ถ้าดูด้วยตาเปล่าจะไม่เชื่อเลยว่าห้องนี้มีขนาดเพียง 27 ตร.ม. เท่านั้น ซึ่งห้องจริงอาจมีขนาดเล็กลง 24.50 ตร.ม. แต่ฟังก์ชั่นทุกอย่างยังอยู่ครบเหมือนกัน

ตู้เสื้อผ้าถูกออกแบบมาให้ทั้งเสื้อผ้า และเก็บของอื่นๆได้อีก

Smart Walk in Closet ตู้เสื้อผ้าจะไม่เป็นแค่ที่เก็บเสื้อผ้าอีกต่อไป เพราะโครงการ Built-in มาเต็มผนังทั้งด้าน แขวนได้ตั้งแต่กางเกง เสื้อผ้า เดรส ชุดราตรี ชุดกีฬา แถมยังมีช่องวางรองเท้า กระเป๋า เครื่องประดับ ของจุกจิกอีกมากมาย เตรียมช่องปลั๊กไว้ทุกการใช้งาน ด้านบนไว้เสียบไดร์เป่าผม ด้านล่างไว้สำหรับเสียบ iRobot Cleaning แถมโต๊ะเครื่องแป้งยังมาพร้อมกระจก Beauty Mirror ติดไฟ LED อีกด้วย คือแต่งตัวแต่งหน้าครบ จบในที่เดียว

Smart Walk in Closet  ออกแบบมาได้อย่างลงตัว เหมาะกับคนที่อยากมีพื้นทีใหญ่ๆเพื่อพักผ่อนและเก็บของเป็นอย่างมาก

ห้องน้ำจะอยู่ถัดจาก Smart Walk in Closet

ภายในห้องน้ำจะกั้นแยกส่วนแห้ง และเปียกด้วย Shower Box กระจกใสมาให้เรียบร้อย สุขภัณฑ์เลือกใช้เป็น American standard ติดตั้งกระจกมาให้เต็มบาน รูปทรงอ่างเป็นทรงเหลี่ยมที่มีช่องเก็บของอยู่ด้านล่าง ภายใน Shower Box เจาะช่องสำหรับวางอุปกรณ์อาบน้ำมาให้เรียบร้อย

มุมนี้จะมองย้อนไปยังระเบียง สังเกตดีๆว่าความสูงของตู้เสื้อผ้าสูงจากพื้นถึงฝ้าเลยนะครับ

ผนังตรงข้ามตู้เสื้อผ้าสามารถติดตั้งกระจกแบบภายในห้องตัวอย่างได้นะครับ ติดกระจกยิ่งทำให้ห้องดูใหญ่ขึ้นไปอีก

Home Automation จาก Application ORIGIN CONNECT เพิ่มความสะดวกสบายให้เฉพาะกับผู้อยู่อาศัยของทาง ORIGIN เท่านั้น

ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือ บริการสุดว้าว ที่ Origin ตั้งใจทำขึ้นเพื่อตอบโจทย์ คน Gen Z โดยเฉพาะเพื่อช่วยให้ชีวิตมนุษย์คอนโด ‘ง่ายขึ้น’

SERVICE EXCELLENCE บริการสุดว้าว ที่เกิดจาก “ความเข้าใจ” 

–Hotel Service On demand บริการทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็นงานแม่บ้าน งานซักรีด งานทำความสะอาดห้องน้ำ ตอบโจทย์ความต้องการจัดการชีวิตให้สะดวกสบายมากขึ้น

–Facility Booking บริการจองพื้นที่ส่วนกลาง ผ่าน Mobile Application ตอบโจทย์ความ ’เข้าใจ’ ในการจัดสรรเวลาที่มีค่าของคุณ เพื่อให้คุณสามารถจัดสรรเวลาดีๆ ที่มีค่า ไปตามหา Passion ไปใช้ชีวิตในแบบของคุณ

–Super Maintenance Service บริการเรียกช่างเทคนิค ช่างซ่อม ช่างล้างแอร์ ช่างไฟ ตอบโจทย์ความเข้าใจในความต้องการให้คุณไม่ต้องมากังวลกับงานช่างที่ไม่ได้ถนัดอีกต่อไป

-Dine in Service บริการ SNACK และเครื่องดื่ม ผ่าน Machine ภายในโครงการ ให้ทุกมื้อที่คุณต้องการ สามารถสั่งผ่านปลายนิ้วได้ในพริบตา

-Smart Bill Pay บริการส่งบิลออนไลน์ และชำระค่าใช้จ่ายต่างๆ ผ่าน Mobile Application ลดเวลาความวุ่นวายที่ต้องเจอในทุกๆ เดือน

สรุปจุดเด่นของโครงการ THE ORIGIN LADPRAO 15 เป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 163 ยูนิต บนที่ดิน 1 – 1 – 6 ไร่ ตั้งอยู่ภายในซอย  ลาดพร้าว 15 ห่างจากรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าวเพียงประมาณ 600 เมตร สามารถนั่ง MRT ไปเปลี่ยนสายเป็น BTS สาย  สีเขียว และในอนาคต MRT สถานีลาดพร้าวจะเป็นจุด Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่เริ่มจาก รัชดา – ลาดพร้าว จน  ไปสุดที่สำโรง ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ก็ถือว่าสพดวกเพราะอยู่ในจุดศูนย์กลางของถนนสายสำคัญต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นถนน  วิภาวดี, พหลโยธิน, รัชดาภิเษก นอกจากอยู่ในทำเลที่มีการเดินทางถือว่าสะดวกสบายแล้ว ยังอยู่ในจุดศูนย์กลางของแหล่ง    Shopping และ Office Building อาทิเช่น Central Ladprao, Union Mall, ตลาดนัดสวนจตุจักร, BigC, Thai Airway, PTT, SCB, ชินวัฒน์3 และอื่นๆอีกมากมาย

ในส่วนของการออกแบบก็ออกแบบมาในสไตล์ Iconic Black & White เอาสีดำ เทา ขาว มาเล่นกับตัวอาคาร และยังเชื่อมต่อไปยัง  ส่วนกลางต่างๆภายในโครงการ โดยส่วนกลางที่นี่หลังจากได้เข้ามาพัก ทาง ORIGIN จะมีบริการดูแลทำความสะอาด Hotel Service On Demand เดือนละ 1 ครั้ง ตลอด 1 ปี

ส่วนกลางที่นี่จะยกไปไว้บนชั้นที่ 2-3 Lobby, สระว่ายน้ำ, สวยสีเขียว, Laundry, Meeting Room, Co-Passion Studio, 24hr.  Co Working Space ที่เปิดตลอด 24 ชั่วโมง และสวนสีเขียวบนชั้นบนสุด

สำหรับห้องพักอาศัยมีตั้งแต่ 1 ห้องนอน ถึง 2 ห้องนอน ซึ่งแต่ละแบบก็จะเหมาะกับคนที่มี Lifestyle หลายประเภท ทั้ง  คนทำงานเช้า – เย็น, ทำงานเป็น Freelance ก็มีพื้นที่ 24hr. Co Working Space ไว้รองรับ หรือจะเป็นแม่บ้านชอบทำอาหาร ก็มี ห้องแบบครัวปิด มากไปกว่านั้นยังเพิ่มความสะดวกสบายด้วย HOME AUTOMATION ที่สามารถสั่งระบบไฟภายในห้อง ด้วย มือถือ และมี Smart Mirror ห้องแบบ 1 Bedroom Plus ขึ้นไป

สรุปว่าโครงการ คอนใดใหม่ THE ORGIN LADPRAO 15 เป็นโครงการที่น่าสนใจอีกโครงการ ที่กำลังจะเปิดขาย 31 ส.ค. นี้ภาพรวมของโครงการถือว่าออกแบบทั้งภายนอก และภายในออกได้อย่างลงตัว และมี LAYOUT ห้องพักที่ใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่า รวมไปถึง ทำเลการเดินทาง รถไฟฟ้า รถยนต์ ,ทำเลที่อยู่จุดศูนย์กลางสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ น่าจะเหมาะสมกับคนที่ต้องการความสะดวกสบายในทุกด้าน ไม่ว่าซื้ออยู่เอง หรือจะซื้อไว้ลงทุนปล่อยเช่า YIELD ก็น่าจะอยู่ในเปอร์เซ็นต์ที่พอรับได้สบายๆ

#เปิดจองครั้งแรก 31 ส.ค. นี้

พร้อมรับ Gift Voucher ใช้เป็นส่วนลดสูงสุด 300,000 .-* สำหรับเข้าจองในงาน!

ได้แล้ววันนี้ที่สำนักงานขาย  https://bit.ly/2SCZrNm

“THE ORIGIN’’ 2 โครงการใหม่ทำเล “รัชดา- ลาดพร้าว”

ย่านไลฟ์สไตล์สุดฮิป ใกล้จุดตัด New Interchange #สายสีน้ำเงิน #สายสีเหลือง

– ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 15 l 600 ม. จากสถานี MRT ลาดพร้าว มีความเป็นส่วนสูงเพียง 163 ยูนิต เริ่ม 79 ลบ.*

– ดิ ออริจิ้น รัชดา-ลาดพร้าว l 25 ม. จากสถานี MRT รัชดา (สายสีเหลือง) จุดตัด New Interchange รถไฟฟ้า 2 สาย เริ่ม 29 ลบ.*

ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษก่อนใคร! คลิก https://bit.ly/2YeeGle

#TheOrigin #จัดจ้านย่านรัชดา #จัดจ้านย่านลาดพร้าว #จัดจ้านย่านอินเตอร์เชนจ์ #สู้ๆนะ

#ใช้ชีวิตอย่างที่เชื่อ #LiveYourValue #EmphathyDesignthinking