EV Charger

EV Charger คืออะไร ?

EV Charger คืออะไร ?

ปัจจุบันได้เห็นหลาย ๆ โครงการที่อยู่อาศัยออกมางัดเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาเป็นจุดขายแข่งกันมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ที่จอดรถแบบ Auto Parking และล่าสุดกับเทคโนโลยีใหม่ที่กำลังมาแรง ซึ่งในหลาย ๆ โครงการก็ได้เห็นเจ้าสิ่งนี้กันมาบ้างแล้ว นั่นก็คือ EV Charger หรือสถานีสำหรับชาร์จรถไฟฟ้า เพื่อไว้รองรับูกบ้านที่ใช้รถยนต์แบบไฟฟ้านั่นเอง เพราะในปัจจุบันที่โลกได้หมุนเปลี่ยนไปผู้คนหันมาให้ความใส่ใจกับโลกและธรรมชาติมากขึ้น การใช้รถไฟฟ้าจึงเป็นสิ่งที่ช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ให้แก่ผู้คนเหล่านี้ เพราะรถไฟฟ้าไม่มีควันเสียที่ก่อมลพิษ แถมเสียงเครื่องยนต์ยังเบามากจนแทบจะไม่ได้ยินเลยด้วยซ้ำ แต่แน่นอนว่ารถยนต์ไฟฟ้าก็เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้านั่นแหละ ที่ต้องใช้ไฟฟ้าในการขับเคลื่อน จึงต้องมีการชาร์จเพื่อกักเก็บพลังงานไว้ใช้ในการขับเคลื่อนนั่นเอง ฉะนั้นวันนี้ #Homezoomer จะพาเพื่อน ๆ ไปทำความรู้จักกับ EV Charger กัน…

EV Charger คืออะไร ?

สถานีสำหรับชาร์จรถไฟฟ้า ทำหน้าที่เป็นตัวชาร์จพลังงานไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่รถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งสามารถแบ่งการชาร์จออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่

  • Normal Charge คือการชาร์จด้วยไฟ AC โดยชาร์จผ่าน On Board Charger ที่ยู่ภายในตัวรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งทำหน้าที่ในการแปลงไฟ AC ไปเป็นไฟ DC ขนาดของตัว On Board Charger จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อรถยนต์ ซึ่งขนาดของ On Board Charger จะมีผลต่อระยะเวลาในการชาร์จไฟของแบตเตอรี่รถยนต์ ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี่รถยนต์ขนาด 24 KWh และมี On Board Charger ขนาด 3KW ระยะเวลาในการชาร์จจะอยุ่ที่ 8 ชั่วโมง
  • Quick Charge คือการชาร์จโดยใช้ตู้ EV Charger (สถานีชาร์จรถไฟฟ้า) ที่แปลงไฟ AC ไปเป็นไฟ DC แล้วจ่ายไฟ DC เข้าที่แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าโดยตรง ซึ่งระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จจะน้อยกว่าแบบ Normal Charger หัวชาร์จ (SOCKET) ของตู้ EV Charger จะมีทั้งแบบที่เป็น AC และ แบบ DC ประเภทของหัวชาร์จจะขึ้นอยู่กับมาตรฐานของผู้ผลิตรถยนต์ ยกตัวอย่างเช่น รถยนต์ไฟฟ้าที่มีแบตเตอรี่รถยนต์ขนาด 24kWh โดยใช้ตู้ EV Charger แบบ Quick Charge ที่มีกำลังชาร์จอยู่ที่ 50kW ระยะเวลาในการชาร์จจะอยู่ที่ไม่เกิน 1/2 ชั่วโมง

ควรติดตั้ง EV Charger ให้เหมาะกับกับการใช้งาน โดยคำนึงจากสถานที่ติดตั้งและความเหมาะสมของเวลาที่ใช้ในการชาร์จ เช่น หากเป็นบ้านพักควรติดตั้ง EV Charger แบบ AC ก็เพียงพอ หากเป็นสถานที่ที่ต้องการใช้ความเร็วในการชาร์จ ก็สามารถเลือกเป็นการชาร์จแบบ DC ซึ่งมีระดับการชาร์จถึง 3 ระดับ คือ DC destination , DC fast และ DC High Power ระยะเวลาที่ใช้ในการชาร์จจะน้อยลงตามลำดับ

เรียบเรียงโดย Homezoomer

 

เว็บไซต์ ประกาศ ซื้อ ขาย บ้าน มือ1 มือ2 :  Hubzoomer.com

ติดตามข่าวสาร รีวิวบ้านและคอนโด สาระน่ารู้ : Homezoomer