REAL view New York

ผมได้มีโอกาสเดินทางไปยังประเทศสหรัฐอเมริการ่วมกับทาง Real Asset ในการเดินทางครั้งนี้ถือว่าเป็นการเดินทางที่ไกลกว่าครั้งก่อนๆ โดยการเดินทางจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วง จากประเทศไทยไปยังดูไบ ใช้ระยะเวลาประมาณ 6 ชั่วโมงกว่า และจากดูไบไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้ระยะเวลาประมาณ 14 ชั่วโมงกว่า ทำให้การเดินทางครั้งนี้เป็นทริปที่น่าตื่นเต้นสำหรับผมอย่างมาก โดยการเดินทางครั้งนี้จะไปเมืองหลักๆ ถึง 3 เมือง

1 .Washington D.C. เป็นเมืองหลวงของประเทศสหรัฐอเมริกา

2.Buffalo falls ซึ่งจะอยู่ทางทิศตะวันตกของมหานครนิวยอร์ก น้ำตก Niagara

3.New York มหานครนิวยอร์ก

วัตถุประสงค์ในการเดินทางครั้งนี้เพื่อมาชมเมืองหลวง Washington D.C. , น้ำตก Niagara สิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ และเมืองแห่งเศรษฐกิจระดับโลกที่ตั้งอยู่ภายในอเมริกา ว่าทำไมเมืองใหญ่ๆอย่าง New York ถึงมีความสำคัญ และเป็นเมืองในฝันของคนทั่วโลก ที่อยากจะมาเยี่ยมเยียน ทำงาน หรือมีที่พักอาศัยใจกลางมหานครนิวยอร์กแห่งนี้ ถ้าให้เทียบกับประเทศไทยน่าจะอยู่ในโซนสุขุมวิท

New York เป็นเมืองใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกสิ่งที่ตอบโจทย์ของคนในปัจจุบัน อาทิเช่น เป็นเมืองแห่งเศรษฐกิจดังนั้นจึงเป็นที่ตั้งของบริษัทใหญ่ๆ การเดินทางที่สะดวกไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ รถไฟใต้ดินที่เชื่อมต่อทุกจุด และอื่นๆ ทั้ง 3 เมืองที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกของอเมริกาจะมีความสำคัญที่แตกต่างกัน โดยที Washington D.C. ความเป็นเมืองหลวง | Buffalo falls น้ำตก Niagara เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่เกิดขึ้นจากธรรมชาติ และ New York เมืองใหญ่ระดับโลกที่มีอาคารสูงๆและเป็นแห่งเศรษฐกิจระดับโลก และถ้านำทั้ง 3 ที่มาเป็น Concept ในการคิดที่อยู่อาศัยในประเทศไทยจะออกมาเป็นในรูปแบบไหน อันนี้ต้องมาลองจินตนาการกันดู

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักประเทศสหรัฐอเมริกากันก่อนครับ

United States of America เรียกได้ 3 อย่าง United State | America | USA

มีพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 9.6 ตารางกิโลเมตร มีรัฐทั้งหมด 50 รัฐ โดยมีประชากรอยู่ที่ประมาณ 320 ล้านคน

ประวัติของประเทศสหรัฐอเมริกาสันนิษฐานกันว่า เป็นดินแดนของชาวบอริจินส์ในทวีปเอเซียที่เดินทางข้ามมาจากไซบีเรียไปยังอะลาสกาเมื่อห้าหมื่นปีก่อนศริสต์ศักราช จนกระทั้งเมื่อปี ค.ศ. 1492 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ได้มาเจอดินแดนแห่งนี้ และได้การยกย่องว่าเป็นผู้คันพบทวีปอเมริกา ซึ่งในเวลานั้นได้เข้าใจว่าเป็นหมู่เกาะอีสต์อินดีส และเรียกว่าหมู่เกาะเวสย์อินเดีย จึงเรียกชนพื้นเมืองที่นี่ว่า อินเดียนแดง

ที่มาของชื่อ ทวีปอเมริกา ได้มีนักเดินทางชาวอิตาเลียนที่มีนามว่า อเมริโก เวสปุสชี ได้เดินทางมายังดินแดนนี้อีกครั้ง และมารู้ว่าดินแดนแห่งนี้ไม่ใช่เอเซียตามที่ คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสเข้าใจ ซึ่งอเมริโก เวสปุสชี ได้บันทึกว่าดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนใหม่ โดยชื่อทวีปได้ตั้งเพื่อเป็นเกียรติให้กับบุคคลคนนี้

ที่มาของชื่อ ลุงแซม

สหรัฐอเมริกาได้ลงมติให้คำว่า ลุงแซมเป็นชื่อเล่นของประเทศ เพราะระหว่างช่วงสงครามสหรัฐอเมริกากับอังกฤษ ทางสหรัฐได้มีการสั่งเนื้อให้กับทหาร จากโรงงาน แซมมวล วิลสัน เนื้อเหล่านี้จะมีการประทับตรา U.S. จนคนพูดกันติดปากว่า ลุงแซม และต่อมา ได้มาคล้ายกับตัวการ์ตูนลุงแซมที่ถูกสร้างเขียนขึ้นบนโปสเตอร์ที่พิมพ์มาจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งเพื่อรณรงค์ให้คนมาสมัครให้เป็นทหารในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งการลงมติให้ชื่อเล่นว่า ลุงแซม เกิดมาจากภาพบุคคลทั้งคนขายเนื้อกับลุงแซมในโปสเตอร์มีความคล้ายกันนี่เอง

Homezoomer ขอนำเสนอที่มาที่ไป และรายละเอียดของ “มหานครนิวยอร์ก” มาไว้ในบทความนี้เป็นอันดับแรก

NEW YORK มหานครนิวยอร์ก

แต่เดิมพื้นที่นี้ราวปี 1609 เป็นพื้นที่ที่ชาวฝรั่งเศสเข้ามาสำรวจเป็นชาติแรก ต่อมาในปี 1626 ชาวดัตช์จากการที่อังกฤษได้รับจ้างฮอลแลนด์ จนสามารถตั้งเมืองบนปากแม่น้ำ Hudson บนเกาะ Manhattan ได้จนสำเร็จ และตั้งชื่อเมืองว่า New Amsterdam โดยใช้เป็นเมืองท่านี้สำหรับค้าขายขนสัตว์ ส่วนในอีกทางหนึ่งที่อาณานิคมจะเรียกว่า นิวเนเธอร์แลนด์

ในปี 1647 ฮอลแลนด์ได้ส่งทหารมากฝีมือเข้ามาโดยใช้ระบบทหารแบบเด็ดขาด และได้สร้างสถานที่ใหม่ๆขึ้นมาเช่นโรงพยาบาล โรงเรียน และกำแพงรอบเมืองจากการบุกรุกของชาวอินเดียนแดง ซึ่งในปัจจุบันคือถนน WALL STREET

ต่อมาหลังจากนั้นในปี 1664 ทหารมากฝีมือในนามว่า Peter Stuyvesant ได้ทำการยกดินแดนให้กับทางอังกฤษ และอังกฤษจึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น New York จนถึงปัจจุบันนี้ หลังจากสงครามประกาศอิสรภาพ นิวยอร์กซิตี้ ได้กลายเป็นเมืองหลวงตั้งแต่ปี 1785 –1790 โดยในปี 1789 จอร์จ วอชิงตัน ได้เป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศ

New York จะแบ่งออกเป็น 5 เขต Queens | Brooklyn | Manhattan | Bronx | Staten Island ทั้งหมดนี้จะรวมกันเป็น New York City

หลังจากช่วงศตวรรษที่ 19 New York มีประชากรสูงขึ้นทำให้ความเจริญทางด้านต่างๆ เข้ามายัง New York อย่างรวดเร็ว จนทำให้บริเวณเกาะ Manhattan มีอาคารสูงๆ เกิดขึ้นเต็มเกาะไปหมดจนกลายเป็นมหานครนิวยอร์ก ที่อัดแน่นไปด้วยการค้าทางด้านการเงิน การสื่อสารและอื่นๆอีกมากมาย จนเป็นเมืองที่มีนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกต้องมาเยือนสักครั้งในชีวิต

เกาะ Manhattan แบ่งออกเป็น 3 ส่วน

1.Upper Manhattan หรือ Uptown (ตอนเหนือ)

จะเริ่มตั้งแต่ Central Park ขึ้นไปทางเหนือโดยจะแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง

Upper East Side ทางฝั่งตะวันออกจะเป็นแหล่งที่พักอาศัย ออฟฟิศต่างๆ โรงเรียน โรงพยาบาล และพิพิธภัณฑ์ต่างๆ บริเวณโซนนี้จะได้ชื่อว่าเป็นโซนของผู้มีฐานะ

Upper West Side ส่วงทางฝั่งตะวันตกจะเป็นแหล่งออฟฟิศ ที่อยู่อาศัยที่มีฐานะลงมาหน่อย แต่ที่สำคัญทางเหนือของฝั่งนี้จะเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาโคลัมเบีย ส่วนทางใต้ของฝั่งนี้จะเป็นศูนย์กลางของศิลปะตรงบริเวณลิงคอล์นเซ็นเตอร์

Upper Manhattan นี้ยังเป็นโซนที่พักอาศัยของคนผิวดำอีกต่างหากจะอยู่ในบริเวณ Harlem ตามในแผนที่นี้

2.Midtown (ตอนกลาง)

ช่วงนี้จะเป็นอีกจุดสำคัญของมหานครนิวยอร์กเลย คนจากทั่วโลกจะรู้จักและอยากมาเยืยนตรงบริเวณนี้มากเพราะเป็นย่านของ Times Square | Empire State | 5^th Avenue | Grand Central Terminal | Port Authority Bus Terminal นอกเหนือจากนั้นยังมี Park ต่างๆที่อยู่ในส่วนของ Greenwich District

3.Lower Manhattan หรือ Downtown (ตอนล่าง)

สำหรับทางตอนล่างนี้จะเป็นโซนที่สำคัญเกี่ยวกับการเงินที่จะอยู่บนถนน Wall Street ซึ่งจะเป็นที่ตั้งของตลาดหุ้นของนิวยอร์ก ส่วนสถานที่สำคัญอีกที่คือบริเวณ 911 และยังเป็นที่ตั้งของสะพานบรูคลินอีกด้วย

โซนตอนล่างนี้จะเป็นโซนที่มีชาวจีนพักอาศัยและทำการค้าอยู่มากซึ่งที่นี่จะเรียกว่า China Town

Manhattan Road ถนนบนเกาะแมนฮัตตันจะถูกวางผังมาเป็นบล็อกๆเป็นรูปสี่เหลี่ยม

วิธีเรียกหรือดูชื่อถนนคือ 5^th Avenue W52 Street โดยมีวิธี

ถนนที่ตัดจากเหนือลงใต้ จะมีทั้งหมด 11 ถนน 1^st – 11^th โดยจะเรียงมาจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก ซึ่งลงท้ายด้วย Avenue

ถนนที่ตัดขวางจากทิศตะวันออกไปยังทิศตะวันตก จะลงท้ายด้วย Street ซึ่ง 1^st Street จะเริ่มต้นจากทางตอนใต้ไล่ขึ้นทางทางตอนเหนือ และจะแบ่งเป็น 2 ฝั่งคือ WEST(W) และ EAST(E)

แต่ทางตอนล่าง (Downtown) นั้นจะเรียกชื่อถนนตามชื่อที่ตั้งไว้เช่น Wall Street เป็นต้น

สนามบินในนิวยอร์กจะมีทั้งหมด 3 ที่ด้วยกัน

1.John F. Kennedy Airport ตั้งอยู่ในเขต Queens

2.LaGuardia Airport ตั้งอยู่ตอนเหนือในเขต Queens

3.Newark Airport ตั้งอยู่ฝั่งนิวเจอร์ซีย์ห่างจากเกาะ Manhattan ประมาณ 22 กิโลเมตร

รถไฟใต้ดิน (Subway)

สามารถใช้บริการได้ทั่วเมืองตลอด 24 ชั่วโมง แต่ละสถานีจะสามารถเข้าออก ขึ้นลง ได้ตามบริเวณ 4 แยกตามถนนต่างๆทั่วเมือง ซึ่งชื่อสายรถไฟของที่นี่จะไม่ได้เรียกเป็นสีต่างๆ อย่างเดียวเหมือนในบ้านเราหรือประเทศอื่นๆ แต่จะเอาตัวอักษร และตัวเลข เข้ามาเป็นชื่อของสายต่างๆ ด้วย เช่นสาย A หรือ สาย 1 เป็นต้น

Empire State Building

จุดสำคัญที่ใครมานิวยอร์กต้องมาขึ้นตึกนี้ทุกคน

เป็นอาคารที่มีความสูง 443 เมตร (รวมเสาอากาศ) Empire State Building

ใช้เวลาในการก่อสร้างเพียง 1 ปีกับ 45 วัน ในปี 1931 ซึ่งในยุคนั้นระบบการก่อสร้างยังไม่ทันสมัย และสะดวกเท่ากับสมัยนี้แต่สามารถสร้างเสร็จภายใน 1 ปี 45 วัน ถือว่าเป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรค์อย่างมาก และเคยเป็นอาคารที่สูงที่สุดในโลกในปี 1931

วิวที่เห็นนี้จะเป็นวิวบนชั้นที่ 86 ที่สามารถมองได้ทั้ง 4 ทิศบนเกาะ Manhattan ได้อย่างชัดเจน

One World Trade Center

เป็นอาคารแห่งใหม่ที่ถูกสร้างขึ้นหลังเหตุการณ์สำคัญของโลกในปี 2001 เป็นอาคารที่มีความสูงถึง 541 เมตร (รวมเสาอากาศ) และยังเป็นจุดชมวิวแห่งใหม่บนความสูง 382 เมตรจากพื้นดิน

9/11 Memorial

เป็นจุดสำคัญของชาวอเมริกาก็ว่าได้ ซึ่งได้เกิดเหตุการณ์วินาศกรรมกับตึกแฝด World Trade Center ในปี 2001 ตึกแฝดได้ถล่มทั้ง 2 อาคารจากการชี้เครื่องบินและพุ่งชนอาคารทั้ง 2 ตึกนี้ ในปัจจุบันจึงสร้างเป็นบ่อน้ำบนพื้นที่เดิมของตึก World Trade Center ทั้ง 2 ตึกเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น

Wall Street

ประวัติที่มาบนแนวถนน Wall Street นี้เกิดจากแนวกำแพงที่ชาวดัตซ์สร้างไว้เพื่อป้องกันการโจมตีจากชาวอินเดียนแดง จนกลางเป็นถนนเส้นสำคัญที่เกี่ยวการเงินการธนาคารของโลก เพราะเป็นที่ตั้งของธนาคารต่างๆที่สำคัญทั่วโลก และยังเป็นที่ตั้งของตลาดหุ้นนิวยอร์กอีกด้วย ถนนนี้จึงเป็นอีกถนนที่ทุกคนต้องมาเก็บภาพและบรรยากาศ

Charging Bull

รูปปั้นกระทิง ที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปคู่ด้วย ซึ่งมีความเชื่อว่าถ้าได้มาลูบไข่ของเจ้ากระทิงตัวนี้ ก็จะทำธุรกิจได้อย่างราบรื่น เจ้ารูปปั้นกระทิงตัวนี้ถูกสร้างมาจาก Arturo Di Modica มีน้ำหนักกว่า 3,200 กิโลกรัม

Brooklyn Bridge

สะพานที่ทุกคนต้องมาเดิน สะพาน Brooklyn แห่งนี้สร้างเสร็จในปี 1883 ใช้เวลาสร้างประมาณ 16 ปี เป็นสะพานแขวนที่มีความยาวถึง 1,825 เมตร ที่เชื่อมระหว่าง Brooklyn กับ Manhattan โดยสร้างจากตอม่อที่มีความสูงถึง 84 เมตร ที่อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง และขึงด้วยสายเคเบิลที่มีความยาวรวมกันได้ทั้งหมด 5,657 กิโลเมตร ใครที่มามหานครนิวยอร์กจะต้องมาเดินขึ้นสะพานนี้เกือบทุกคน

Flatiron Building

อาคารที่มีรูปทรงคล้ายเตารีด

เป็นอีก 1 สถานที่ที่คนทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี เพราะ Times Square ที่จะเป็นจุดสำหรับ Countdown ในทุกๆปีใหม่ และยังเป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร Shop ต่างๆ ไว้มากมาย โดยชื่อ Times Square นี้ได้มาจากหนังสือพิมพ์ New York Time ที่เคยเป็นที่ตั้งของ Times Tower ในบริเวณจุดนี้ที่เป็น Times Square ในปัจจุบัน

Duffy Square

จะอยู่ตรงข้ามกับ Times Square ซึ่งทั้ง 2 ที่จะมีลักษณะที่คล้ายกันมาก

M&M World สำหรับใครที่เป็นแฟนพันธ์แท้ของ Chocolate ยี่ห้อนี้

Grand Central Terminal

เป็นสถานีรถไฟที่เก่าแก่ซึ่งเปิดมาตั้งแต่ปี 1913 จะเป็นสถานีรถไฟที่มีสายไปทางเหนือของเกาะ Manhattan ภายในมีร้านค้าต่างๆ Apple Store ก็เป็น 1 ร้านค้าที่เช่าพื้นที่ภายในสถานีรถไฟแห่งนี้ ถือว่าเป็นสถานีที่มีความสวยอันดับต้นๆของโลกก็ว่าได้

Central Park

สวนขนาดใหญ่ใจกลางมหานครนิวยอร์ก สวนแห่งนี้มีพื้นที่ถึง 3.41 ตารางกิโลเมตร ด้วยความใหญ่และกว้างของสวนนี้เทียบช่วงถนนตั้งแต่ 5^th Ave ถึง 8^th Ave | 59^–110 Street

ภายใน Central Park จะมีจุดสำคัญๆ BETHESDA FOUNTAIN | WALLMAN RINK | BOW BRIDGE คงต้องใช้เวลาเป็นวันในการเดินให้ครบทั้ง CENTRAL PARK แห่งนี้

Statue of Liberty หรือเรียกว่า อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ

รูปปั้นที่คนทั่วโลกรู้จักกันดีว่า รูปปั้นผู้หญิงมือซ้ายถือแผ่นศิลา มือขวาชูคบเพลิน เป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่อยู่ใน มหานครนิวยอร์ก และเป็นประติกรรมที่คนทั่วโลกอยากมาชมด้วยตัวเอง

อนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพ ถูกออกแบบและสร้างจาก Auguste Bartholdi จากประเทศฝรั่งเศส เพื่อมอบให้กับอเมริกาที่รอบคอบ 100ปี ที่ได้เอกราช เพื่อวันประกาศอิสรภาพของอเมริกาในวันที่ 4 July 1776 และส่งมอบในวัน 28 October 1886

รูปปั้นมีความสูง 46 เมตร ฐานที่สร้างจากแกรนิตสูง 45 เมตร น้ำหนักประมาณ 90 ตัน

ที่ตั้งของอนุสาวรีย์เทพีเสรีภาพจะตั้งอยู่บนเกาะลิเบอร์ตี้ ซึ่งรอบเกาะก็จะมีจุดชมวิว และสามารถมองกลับไปยังเกาะ Manhattan ได้อีกด้วย

นี่คือสถานที่ทั้งหมดที่ผมได้ไปกับทาง Real Asset แต่ละสถานที่ที่ผมเขียนมาทั้งหมดนี้ แต่ละที่จะเป็น Iconic Landmark เป็นสถานที่ที่ทุกคนคิดถึง เวลาพูดถึง NEW YORK และยังเหลืออีก 2 ที่คือ Washington D.C. เมืองหลวงของประเทศสหรัฐอเมริกา และ Buffalo falls น้ำตก Niagara พบกันในบทความต่อไป

Sponsor by REAL ASSET

AESTIQ THONGLOR คอนโดมิเนียมแบบ Ultimate Luxury เพื่อเป็น Iconic Landmark ใหม่บนทำเลทองหล่อ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A Reflection of you” สุนทรียะที่สะท้อนความเป็นตัวคุณ

สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.aestiq.com หรือ โทร 1232
——————————————
ชมข้อมูลบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม โฮมออฟฟิศ คอนโดมิเนียม เพิ่มเติมได้ที่
Website : www.realasset.co.th
Facebook : www.facebook.com/RealAssetDevelopment
Instagram : www.instagram.com/realasset.development/
LINE@ : @realasset