ทำเลและการเดินทาง

Ideo Rama9-Asoke ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพใจกลาง New CBD พระราม9 อย่างที่ทราบกันว่าโซนบริเวณพระราม 9 ขึ้นชื่อเป็นถนนไม่เคยหลับใหล ได้กลายเป็นแหล่งธุรกิจสำคัญแห่งใหม่ที่เกิดขึ้นมาอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่ปี ด้วยความเจริญในทุกด้านที่เกิดขึ้นจากการพัฒนาในทุกภาคส่วนอย่างรวดเร็ว ทำให้บริเวณพระราม 9 กลายเป็นทำเลทองที่ครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เนื่องจากมีการพัฒนาในสิ่งต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องนำพาความเจริญทางด้านต่างๆ เข้ามาจนทำให้กลายเป็นทำเลทองอีกแห่งภายในกรุงเทพฯ และมีอิทธิพลต่อกรุงเทพฯ มาโดยตลอด ส่งผลให้ตลอดแนวถนนพระราม9 รัชดาภิเษกเกิดความเจริญ และเป็นแหล่งงานขนาดใหญ่ อาทิเช่นอาคารสำนักงานเกรดเอชั้นนำต่างๆ ที่มีพื้นที่เช่ามากกว่า 100,000 ตร.ม. ประกอบไปด้วย G Tower, Unilever House, THE NINTH TOWER, AIA Capital Center, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET), Cyber World, RS Tower, MCOT (อสมท) และเมืองไทยภัทร นอกจากนั้นยังเป็นแหล่ง Lifestyle สำคัญที่รายล้อมไปด้วยศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่างเช่น เซ็นทรัล พระราม 9, Fortune Town พระราม 9, Esplanade รัชดา, The Street รัชดา, Big C Extra รัชดา รวมไปถึงร้านอาหาร คาเฟ่ชื่อดัง และอื่นๆ ใกล้เคียงอีกมากมาย

โครงการ Ideo Rama9 – Asoke ห่างจาก MRT สถานีพระราม9 เพียง 450 เมตร การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสะดวกเชื่อม CBD to CBD

MRT สถานีพระราม 9 เพียง 2 สถานี – สถานีสุขุมวิท Interchange กับ BTS สถานีอโศก (CBD) | จากนั้นเพียง 1 สถานี – สถานีพร้อมพงษ์ (The Em District) | และ เพียง 2 สถานี – สถานีเพลินจิต CBD

MRT สถานีพระราม 9 เพียง 5 สถานี – สถานีสวนลุมพีนี – CBD สาทร สีลม

MRT สถานีพระราม 9 เพียง 6 สถานี – สถานีห้าแยกลาดพร้าว – New HUB ระบบขนส่ง (โซนหมอชิต – สถานีกลางบางซื่อ)

MRT สถานีพระราม 9 เพียง 1 สถานี – สถานีเพชรบุรี Interchange กับ Airport rail Link สถานีมักกะสัน – สนามบินสุวรรณภูมิ

การเดินทางด้วยรถยนต์ก็สะดวกเชื่อมต่อ CBD to CBD เพียงหนึ่งแยกถนนสามารถเชื่อมต่อ อโศก- สุขุมวิท ที่เป็นแหล่งงานสำคัญอีกโซนของกรุงเทพฯ ได้แล้ว สำหรับการเดินทางไปยังโครงการสามารถเดินทางได้หลายเส้นทาง เนื่องจากที่ตั้งของโครงการจะตั้งติดกับถนนใหญ่พระราม 9 ทำให้การเดินทางเชื่อมต่อไปยังจุดสำคัญๆนั้นทำได้สะดวก และรวดเร็ว การเดินทางเส้นหลักๆ จากที่ตั้งโครงการถนนพระราม 9 สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนรัชดาภิเษก ถนนอโศก-ดินแดง ถนนเพชรบุรี ถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ถนนดินแดง และใกล้กับทางด่วนพิเศษด่านพระราม 9

สำหรับการเดินทางเราจริง ทาง Homezoomer จะเริ่มต้นตั้งแต่บนถนนเพชรบุรีตัดใหม่ (ฝั่งขาเข้า) มุ่งหน้าไปยังแยกอโศก เพชรบุรี แต่เราจะเลี้ยวขวาก่อนถึงแยก โดยมาเลี้ยวขวาเข้าถนนเพชรอุทัยเชื่อมต่อไปยังถนนพระราม9 เราไปชมการเดินทางกันจริงๆเลยครับ

เดินทางจากบนถนนเพชรบุรีฝั่งขาเข้า โดยเราจะเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่ถนนเพชรอุทัย ซึ่งจะเป็นถนนที่เชื่อมต่อระหว่างถนนเพชรบุรีกับถนนพระราม9

พอเลี้ยวขวามาแล้วจะเจอทางรถไฟฟ้า ให้ขับตรงตามทางไปก่อนนะครับ ด้านหน้าจะเป็นสี่แยกตัดกับถนนจตุรทิศ และทางขึ้นทางด่วนด่านพระราม 9

ขับตรงตามทางจะมาเจอแยกทางขึ้นทางด่วนพระราม9 ให้เราขับตรงข้ามแยกไปก่อน จากภาพนี้จะสามารถมองเห็นโครงการ Ideo Rama9 – Asoke ด้วยครับ

ขับตรงข้ามแยกทางด่วนไปก่อนนะครับ

ข้ามแยกมาแล้วให้เตรียมตัวชิดซ้ายเพื่อจะเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพระราม9 นอกจากนั้นใครที่เดินทางมาจากทางด่วน ก็จะมาลงบริเวณนี้เช่นกัน

เลี้ยวซ้ายด้านหน้าเพื่อเข้าสู่ถนนพระราม9 (ฝั่งขาเข้า)

เลี้ยวซ้ายมาแล้วให้ขับตรงตามทางไปประมาณ 250 เมตร โครงการ Ideo Rama9-Asoke จะอยู่ทางซ้ายมือ

ถึงแล้วครับโครงการ ideo Asoke Rama9 เลี้ยวซ้ายเข้าโครงการเลยครับ

แต่ถ้าใครเดินทางมาจากถนนพระราม9 ที่มาจากดินแดง ให้ขับตรงข้ามแยกพระราม9  หรือใครเดินทางมาจากถนนรัชดาภิเษก ให้เลี้ยวซ้ายบริเวณแยกพระราม9 หรือมาจากถนนอโศก ดินแดง ให้เลี้ยวขวาบริเวณแยกพระราม9 ทั้ง 3 เส้นทางพอเข้าสู่ถนนพระราม9 แล้ว ให้ขับตรงตามทางแล้วไปกลับรถบริเวณแยก อ.ส.ม.ท เพื่อกลับไปยังถนนพระราม9 (ฝั่งขาเข้า)

กลับรถบริเวณแยก อ.ส.ม.ท

พอกลับรถมาแล้วให้ขับตรงไปประมาณ 250 เมตร ก็จะเปนเส้นทางเดียวกับการเดินทางด้านบนที่มาจากถนนเพชรบุรี

โครงการ Ideo Rama9-Asoke จะอยู่ทางซ้ายมือ ให้เลี้ยวเข้าโครงการไปเลยครับ

Master Plan

Ideo Rama9-asoke เป็นคอนโดสูง 36 ชั้น 1 อาคาร ทางเข้าออกโครงการจะอยู่ติดกับถนนใหญ่พระราม9 หันไปทางทิศเหนือ ด้านหน้าสุดจะเป็น Town Villa จำนวน 4 ยูนิต ถัดเข้ามาจะเป็นร้านค้าจำนวน 2 ยูนิต พอข้ามสะพานมาแล้วจะเป็นจุดรักษาความปลอดภัย และสวนสีเขียวที่จะเชื่อมต่อกับ Playing Area ที่จะอยู่ด้านข้างทางทิศตะวันตกของอาคาร พอเข้ามาภายในอาคารไล่ตั้งแต่ด้านหน้าสุดจะเป็น Lobby, Co-Working Space, Meeting Room, Parcel room, Mail Room,  ห้องนิติ, ลิฟท์โดยสารจำนวน 7 ตัว และ ลิฟท์ Service  1 ตัว ในส่วนของพื้นที่จอดรถจะเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 2 – 7

8^th-12A Floor Plan จะเป็น Typical Floor Plan โดยห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้นที่ 8 มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 48 ยูนิต/ชั้น   สำหรับการจัดวางห้องในแต่ละแบบจะแบ่งเป็นห้องแบบดังต่อไปนี้

Studio (A1) ขนาด 25.50-26.50 ตร.ม. จำนวน 23 ยูนิต (สีเทาอ่อน) ซึ่งจะหันไปทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก

1 Bedroom (B1) ขนาด 31.00 ตร.ม. จำนวน 10 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันตก

1 Bedroom (B2) ขนาด 33.50 – 34.50 ตร.ม. จำนวน 7 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

1 Bedroom (B3) 32.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันตก

1 Bedroom (B4) 36.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

1 Bedroom (B5) 38.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

1 Bedroom (B6) 32.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

2 Bedroom (C1) 60.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหน้าของอาคารหันไปทางทิศเหนือ และทิศตะวันออก

2 Bedroom (C2) 90.00 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหน้าของอาคารหันไปทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก

2 Bedroom (C4) 71.00 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหลังของอาคารหันไปทางทิศใต้ และทิศตะวันตก

2 Bedroom (C5) 60.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหลังของอาคารหันไปทางทิศใต้ และทิศตะวันออก

14^th-21st Floor Plan จะเป็น Typical Floor Plan มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 40 ยูนิต/ชั้น   สำหรับการจัดวางห้องในแต่ละแบบจะแบ่งเป็นห้องแบบดังต่อไปนี้

Studio (A1) ขนาด 25.50-26.50 ตร.ม. จำนวน 23 ยูนิต (สีเทาอ่อน) ซึ่งจะหันไปทางทิศตะวันตก

1 Bedroom (B1) ขนาด 31.00 ตร.ม. จำนวน 6 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันตก

1 Bedroom (B2) ขนาด 33.50 – 34.50 ตร.ม. จำนวน 2 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

1 Bedroom (B3) 32.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันตก

1 Bedroom (B4) 36.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

1 Bedroom (B5) 38.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

1 Bedroom (B6) 32.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

2 Bedroom (C1) 60.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหน้าของอาคารหันไปทางทิศเหนือ และทิศตะวันออก

2 Bedroom (C2) 90.00 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหน้าของอาคารหันไปทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก

2 Bedroom (C4) 71.00 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหลังของอาคารหันไปทางทิศใต้ และทิศตะวันตก

2 Bedroom (C5) 60.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหลังของอาคารหันไปทางทิศใต้ และทิศตะวันออก

22nd-29th Floor Plan จะเป็น Typical Floor Plan มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 40 ยูนิต/ชั้น   สำหรับการจัดวางห้องในแต่ละแบบจะแบ่งเป็นห้องแบบดังต่อไปนี้

Studio (A1) ขนาด 25.50-26.00 ตร.ม. จำนวน 7 ยูนิต (สีเทาอ่อน) ซึ่งจะหันไปทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก

1 Bedroom (B1) ขนาด 31.00 ตร.ม. จำนวน 10 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันตก

1 Bedroom (B2) ขนาด 33.50 – 34.50 ตร.ม. จำนวน 7 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

1 Bedroom (B3) 32.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันตก

1 Bedroom (B4) 36.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

1 Bedroom (B5) 38.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

1 Bedroom (B6) 32.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

2 Bedroom (C1) 60.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหน้าของอาคารหันไปทางทิศเหนือ และทิศตะวันออก

2 Bedroom (C2) 90.00 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหน้าของอาคารหันไปทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก

2 Bedroom (C3) 52.00-52.50 ตร.ม. จำนวน 6 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหน้าของอาคารหันไปทางทิศตะวันออก

2 Bedroom (C4) 71.00 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหลังของอาคารหันไปทางทิศใต้ และทิศตะวันตก

2 Bedroom (C5) 60.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหลังของอาคารหันไปทางทิศใต้ และทิศตะวันออก

30th-35th Floor Plan จะเป็นห้องแบบ HYBRID เพดานสูง 4.5 เมตร มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 48 ยูนิต/ชั้น   สำหรับการจัดวางห้องในแต่ละแบบจะแบ่งเป็นห้องแบบดังต่อไปนี้

Studio (A1H) ขนาด 25.50-26.50 ตร.ม. จำนวน 23 ยูนิต (สีเทาอ่อน) ซึ่งจะหันไปทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก

1 Bedroom (B2H) ขนาด 33.50 – 34.50 ตร.ม. จำนวน 17 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก

1 Bedroom (B3H) 32.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันตก

1 Bedroom (B4H) 36.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

1 Bedroom (B5H) 38.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

1 Bedroom (B6H) 32.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำตาล) หันไปทางทิศตะวันออก

2 Bedroom (C1H) 60.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหน้าของอาคารหันไปทางทิศเหนือ และทิศตะวันออก

2 Bedroom (C2H) 90.00 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหน้าของอาคารหันไปทางทิศเหนือ และทิศตะวันตก

2 Bedroom (C4H) 71.00 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหลังของอาคารหันไปทางทิศใต้ และทิศตะวันตก

2 Bedroom (C5H) 60.50 ตร.ม. จำนวน 1 ยูนิต (สีน้ำเทา) เป็นห้องมุมด้านหลังของอาคารหันไปทางทิศใต้ และทิศตะวันออก

36^th Floor Plan สำหรับชั้นนี้จะเป็นชั้นของพื้นที่ส่วนกลางทั้งชั้นซึ่งจะประกอบไปด้วย สระว่ายน้ำขนาด 30 เมตร Co Living Space, Garden Area, Multipurpose Room, Boxing Area และ Amphitheater Room

36M Floor Plan จะเป็นชั้นของห้องฟิตเนส และGarden Area

Rooftop จะเป็นพื้นที่ของ Gander Area สวนสีเขียวลอยฟ้า

เรามาเดินชมภายในโครงการกันจริงๆ เลยครับ Ideo Asoke – Rama9 เป็นคอนโดสูง 36 ชั้น มีจำนวนยูนิตทั้งสิ้น 1,222 ยูนิต โดยจะแบ่งเป็นห้องชุด 1,216 ยูนิต อาคารชุดเพื่อการค้า 2 ยูนิต และอาคารชุดทาวน์วิลล่า 4 ยูนิต ก่อนอื่นเราไปเดินชม ส่วนกลางของที่นี่กันก่อนนะครับ  สำหรับจุดเด่นส่วนกลางของโครงการนี้คงจะเป็นการร่วมมือกับ Graphic Designer ชื่อดังอย่าง P7 ศิลปิน Street Art ชื่อดังระดับประเทศไทย ที่ได้มาร่วมออกแบบพื้นที่ส่วนกลางโดยผสมผสานความคิดสร้างสรรค์ออกมาให้เพื่อตอบสนองกับคนในยุดปัจจุบัน จนมีคำนิยามออกมาว่า New Urban Energy ภายใต้ Concept ของโครงการ LIVE WORK PLAY โดยให้ความสำคัญเกี่ยวกับ Lifestyle และตอบโจทย์การอยู่อาศัยในสมบูรณ์แบบมากที่สุด

เริ่มตั้งแต่ทางเข้าออกโครงการ บริเวณนี้จะเป็นจุดรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง

ถัดมาด้านข้างจะเป็น Playing Area และพื้นที่สวนสีเขียว

บริเวณด้านข้างของตัวโครงการจะเป็นลานบาสเกตบอล พร้อมเครื่องเล่น และจุดนั่งพักผ่อน สำหรับผู้พักอาศัยสามารถมาทำกิจกรรมต่างๆในบริเวณนี้ได้

เข้ามาภายในโครงการจะเจอ Lobby ขนาดใหญ่สูงโปร่งเป็นอันดับแรก

บริเวณ Lobby ตรงนี้จะเป็นจุดนั่งพักผ่อน และเป็นจุดนั่งรอสำหรับแขกที่มาหาผู้พักอาศัยที่นี่ สำหรับส่วนกลางชั้นนี้จะมีอยู่จุดตั้งแต่ด้านนหน้ายาวจนไปสุดด้านหลังอาคาร

ติดกันจะเป็นพื้นที่สำหรับนั่งเล่นพักผ่อน ทางโครงการจัดชุดโซฟา ที่นั่งมาให้ตามภาพนี้เลยครับ

ถัดเข้าจะเป็นพื้นที่ Co Working Space สำหรับนั่งทำงาน หรือนั่งประชุมเล็กๆ ทางโครงการออกแบบให้เป็นกระจกใสสามารถรับวิวจากด้านนอกได้อีกด้วย

สำหรับ Mail room จะมีอยู่ทั้งหมด 2 จุดนะครับ จะทางด้านหน้า และด้านหลังอาคาร สำหรับ Mail room ตกแต่งห้องเป็นสีเหลืองออกมาได้สวยงามมากๆ

เข้ามาด้านในจะเป็นตำแหน่งการนั่งพักผ่อนชิลๆ แบบ Openair นะครับ สังเกตจากภาพตำแหน่งตรงนี้จะเชื่อมต่อกับลานบาสเกตบอลที่อยู่ด้านนอก

Parcel room จะเป็นห้องรับพัสดุซึ่งจะอยู่ตำแหน่งตรงกลางอาคารพอดี

ถัดมาจะเป็น Meeting Room ภายในจะมีโต๊ะประชุมขนาดใหญ่สามารถรับคนได้ถึง 8 – 10 คน

ความพิเศษของห้องประชุมนี้คือจะตกแต่งเป็นงานของ P7 ทั่วทั้งห้องประชุม

สำหรับลิฟท์โดยสารจะมีอยู่ 2 จุด จุดละ 4 ตัว แยกเป็นลิฟท์โดยสาร 7 ตัว และ Service 1 ตัว  ถ้าดูจากจำนวนลิฟท์เทียบกับจำนวนยูนิตถือว่าไม่หนาแน่นเลยครับ

ขึ้นมาชมส่วนกลางบนชั้นที่ 36 กันต่อครับ ซึ่งพื้นที่ส่วนกลางจะเป็นแบบ Hybrid Space เชื่อมต่อระหว่างชั้นที่ 36 กับชั้นที่ 36M  สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจะถูกออกแบบให้เป็นแบบ Multi Flexible Space สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ต่างๆให้เข้ากับเรามากที่สุด

บนชั้นที่ 36 พื้นที่ส่วนกลางเด่นๆจะเป็น Hybrid Sky Pool ที่สามารถว่ายน้ำไปพร้อมกับวิวเมืองอันสวยงาม ซึ่งจะประกอบไปด้วย Lap Pool ความยาวถึง 30 เมตร และ Exercise Pool Aqua Biking หรือจักรยานในน้ำ

ถัดมา Amphitheater Room เป็นห้องโถงที่มีความสูงเป็น Double Volume

เข้ามาภายใน Amphitheater Room จะเป็นพื้นที่อัศจรรย์สำหรับไว้นั่งเล่น นั่งอ่านหนังสือ ซึ่งทางโครงการจะติดตั้งเป็นกระจกใสทั่วห้อง ทำให้ภายในห้องนี้ดูกว้างโปร่งเป็นพิเศษ

ด้านบนสุดของ Amphitheater Room จะเป็นพื้นที่สำหรับดูหนังซึ่งทางโครงการจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆมาให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

มุมสงภายใน Amphitheater Room มองลงไปด้านล่าง จะเห็นถึงความโปร่งสูงของห้องได้อย่างชัดเจน

ถัดมาจะเป็นในส่วนของ Garden Area ที่จะเป็นพื้นที่นั่งพักผ่อนในสวนสีเขียว

Garden Area ก็จะมีที่นั่งตามจุดต่างๆ ทั่วชั้นที่ 36 จุดเด่นคือสามารถรับวิวเมืองกรุงเทพฯ ได้อย่างสวยชัดเจน และเป็นพื้นที่โปร่งโล่งถ่ายอากาศได้สะดวก

มุมนี้จะเห็นมุมนั่งพักผ่อนพร้อมกับชมวิวเมืองได้อย่างชัดเจน

ถัดมาจะเป็นพื้นที่ของ Social Club

Boxing Area สำหรับมาฝึกชกมวยออกกำลังกาย

วิวที่ได้ระหว่างชกมวยจะประมาณนี้

ภายใน Multipurpose Room จะติดตั้งเป็นกระจกใสสูงจากพื้นถึงฝ้าทั่วทั้งห้อง ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ดูโปร่งสบายตาเป็นพิเศษ

เข้ามาภายในจะเจอกับ HYBRID SPACE พื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ มีความสูงโปร่งถึง 2 ชั้น (Double Volume Space) ภายในจะแยกส่วนการใช้งานอยู่หลากหลายโซนด้วยกัน

ภายใน Multipurpose Room จะติดตั้งเป็นกระจกใสสูงจากพื้นถึงฝ้าทั่วทั้งห้อง ทำให้พื้นที่บริเวณนี้ดูโปร่งสบายตาเป็นพิเศษ

ซึ่งทางโครงการจะจัดชุดโซฟา โต๊ะเก้าอี้ โต๊ะประชุม มุมนั่งเล่นอ่านหนังสือจำนวนหนึ่ง ไว้สำหรับให้ผู้พักอาศัยมานั่งเล่นทำกิจกรรมต่างๆ

Highlight จะเป็นไอเจ้าสไลด์เดอร์ ที่สามารถสไลค์ลงมาจากด้านบนได้ ถือว่าว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่หาไม่ได้จากที่อื่น

ถัดมาจะเป็น Kitchen Area ที่ทางโครงการออกแบบมาให้เป็นพื้นที่จัดเลี้ยง และสามารถทำอาหารได้อีกด้วย

ภายใน Kitchen Area ทางโครงการก็จะจัดเตรียมโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่ และอุปกรณ์ทำครัวต่างๆ รวมไปถึงตู้เย็น อ่าล้างจาน และอื่นๆ ไว้ให้อย่างครบครัน

ภายใน Multipurpose Room จะมีอยู่จำนวน 2 ชั้น ทางขึ้นลงไปยังชั้นที่ 2 จะต้องขึ้นลงโดยผ่านที่นั่งคล้ายที่นั่งอัศจรรย์สุดเก๋ มีเฉพาะใน Ideo Rama9 – Asoke เท่านั้น เดี๋ยวเราขึ้นไปชั้นบนที่เป็น Playground Tube กันต่อครับ

ขึ้นมาชั้นบนจะมีเกมส์โต๊ะบอลแบบมือหมุนอยู่จำนวน 2 โต๊ะ

และโต๊ะพลูจำนวน 1 โต๊ะ

ขึ้นมาบนชั้นที่ 36M

ชั้นที่ 36M จะเป็นชั้นของห้องฟิตเนสขนาดใหญ่ ทางโครงการจัดเตรียมเครื่องวิ่ง เครื่องออกกำลังกาย และอุปกรณ์ต่างๆมาให้อย่างครบครัน

พร้อมกับติดตั้งกระจกใสไว้รอบห้อง ทำให้ภายในห้องดูโปร่งสบายตาเป็นพิเศษ พร้อมกับรับวิวเมืองได้อย่างเต็มที่ เหมาะกับการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก

มุมนี้จะมองลงมาจากห้องฟิตเนส ลงไปยังสระว่ายน้ำที่อยู่บนชั้นที่ 36 วิวที่ได้จะประมาฯนี้นะครับ สวยมากจริงๆ

สวนสีเขียวขนาดใหญ่บนชั้นบนสุด

สำหรับโครงการ Ideo Rama9-Asoke เป็นคอนโดสูง 36 ชั้น สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ แบบห้องที่นี่จะมีให้เลือกอยู่หลายแบบเริ่มตั้งแต่ห้องแบบ Simplex Studio, 1 Bedroom, 2 Bedroom และห้องแบบ Hybrid Studio, 1 Bedroom และ 2 Bedroom ที่มีความสูงภายในห้องสูงถึง 4.5 เมตร ทางโครงการมีห้องตัวอย่างให้ชมถึง 6 ห้อง 6 แบบไม่ซ้ำกันเลย เราไปเริ่มชมกันเลยครับ

ห้องตัวอย่างแรกจะเป็นห้องแบบ Studio Hybrid ขนาด 25.50 ตร.ม.

เปิดประตูเข้ามาจะเจอกับส่วนครัวเป็นอันดับแรก สำหรับห้องที่นี่จะได้เป็นแบบ Full Fitted โดยทางโครงการจะ Built in ชุดครัว, ตู้เสื้อผ้า, แอร์ และDigital Door Lock มาให้กับห้องเลย ความสูงภายในห้องแบบนี้จะสูงถึง 4.5 เมตร

ชุดครัวที่ได้มากับห้องจะ Built in มาให้ทั้งตู้บน และตู้ล่าง มาพร้อมกับ Hood Hob โดยฟังก์ชันการใช้ของชุดครัวก็จะตามภาพนี้เลยครับ มีตู้เก็บของต่างๆ มีช่องสำหรับ Microwave และเครื่องซักผ้ามาให้เรียบร้อย

ความพิเศษของห้องนี้อีกจุดคือได้เป็นส่วนครัวปิด โดยจะกั้นส่วนด้วยประตูกระจกใสแบบบานเลื่อน

ภายในห้องน้ำจะแยกส่วนการใช้งานระหว่างส่วนเปียก และส่วนแห้งมาให้เรียบร้อย กั้นส่วนด้วย Shower Box ในส่วนของlสุขภัณฑ์ และอุปกรณ์ต่างๆ ภายในห้องน้ำทางโครงการเลือกใช้ของ American Standard และ Charmer ซึ่งเป็นยี่ห้อ ที่ได้มาตรฐาน

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area สามารถวางชุดโซฟาขนาดประมาณ 2-3 ที่นั่งได้อย่างสบายๆ  ตรงข้ามกับชุดโซฟาจะเป็นตำแหน่งของชั้นวางทีวี ซึ่งจะเห็นระยะการนั่งดูทีวีจะอยู่ในระยะกำลงัพอดี ไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป

ความสูง Floor to Ceiling จะอยู่ที่ 4.5 เมตร

มุมนั่งทำงาน อ่านหนังสือ ที่จะอยู่ด้านในสุดของห้อง

มุมนี้จะเห็นการ Built in ชั้นวางของ ชั้นวางทีวี โดยจะมีฟังก์ชันการใช้ได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งทางโครงการตกแต่งมาให้ดูเป็นไอเดีย เป็นไอเดียที่ดีมากๆ สามารถทำตามได้เลยนะครับ จะทำให้มีพื้นที่เก็บของที่เยอะขึ้น

ทางด้านหลังตำแหน่งชุดโซฟาจะเป็นห้องเก็บใต้บันได ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านจริงๆเลยครับ

มุมนี้จะยืนอยู่ด้านในสุดแล้วมองกลับไปทางด้านหน้าเข้าห้อง สำหรับห้องนอนจะอยู่ทางด้านบน

สำหรับบันไดขึ้นลงจะอยู่ทางด้านข้างของตัวห้อง

ชั้นบนจะเป็นพื้นที่ของห้องนอน สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้อย่างพอดี แถมยังเหลือพื้นที่ด้านรอบไว้สำหรับเดินอยู่เยอะพอสมควร ด้านในจะเป็นตำแหน่ง Built in ตู้เสื้อผ้าขนานไปกับเตียงนอน

มุมมองจากปลายเตียงมองไปยังด้านล่างของห้อง จะเห็นถึงความโปร่งโล่งของห้องที่เชื่อมต่อมาจากด้านล่าง นี่ขนาดเป็นห้องแบบ Studio ยังดูกว้างใหญ่เป็นพิเศษ ถ้าเป็นห้องแบบอื่นที่มีพื้นที่ใช้สอยมากกว่านี้ ห้องน่าจะดูใหญ่เป็นพิเศษแน่ๆ

มุมมองจากด้านบนมองลงไปยังด้านล่าง

ห้องตัวอย่างที่ 2 จะเป็นห้องแบบ Studio ขนาด 25.50 ตร.ม.

เข้ามาภายในจะเจอพื้นที่ครัวปิด และห้องน้ำเป็นอันดับแรก

พื้นที่ส่วนครัวทางโครงการจะ Built in ชุดครัวมาให้ตามนี้เลยนะครับ

ตรงข้ามกับชุดครัวจะเป็นตำแหน่งการวางตู้เย็น และห้องน้ำ

ภายในห้องน้ำจะกั้นส่วนเปียกกับส่วนแห้งด้วย Shower Box มาให้เรียบร้อย

เข้ามาภายในจะเป็นในส่วนของห้องนอนที่จะแชร์กับพื้นที่นั่งเล่น ส่วนด้านในสุดสามารถตกแต่งให้เป็นมุมทำงานเข้ามุมได้อย่างพอดี และทางออกไปยังระเบียงด้านนอก

ภายในห้องสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้อย่างสบาย ส่วนตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าจะอยู่บริเวณปลายเตียง

ห้องตัวอย่างถัดมาจะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 31 ตร.ม.

สำหรับห้องแบบนี้ Living Area จะอยู่ด้านหน้าสุดของตัวห้อง

สามารถวางชุดโซฟาเข้ามุมขนาดประมาณ 2 – 3ที่นั่ง  พร้อมกับโต๊ะกลางได้กำลังพอดี

ตรงข้ามกับชุดโซฟาจะเป็นตำแหน่งของชั้นวางทีวี ห้องน้ำ และตู้เก็บของ

ภายในห้องก็จะติดตั้งสุขภัณฑ์ และอุปกรณ์ต่างๆมาให้ทั้งหมดตามห้องตัวอย่างนี้เลยครับ

กั้นส่วนเปียกกับส่วนแห้งด้วย Shower Box กระจกใสมาให้เรียบร้อย

มุมนี้จะมองย้อนกลับไปทางเข้าห้อง ภาพนี้จะสามารถเห็นระยะการนั่งดูทีวี ระยะกำลงัพอดีเลยครับ

ด้านในสุดของห้องจะเป็นตำแหน่งของส่วนครัว และห้องนอน

ห้องแบบนี้จะได้เป็นครัวปิดนะครับ ข้อดีคืออากาศจะถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งจะเหมาะกับใครที่ชอบทำอาหารเป็นประจำ

เข้ามาภายในครัว จะเห็นตำแหน่งของชุดโซฟาที่จะ Built in ขนานไปกับห้อง และเชื่อมต่อออกไปยังระเบียงด้านนอก สำหรับโต๊ะรับประทานอาหารสามารถตั้งภายในส่วนครัวได้ประมาณ 2 ที่นั่ง

เข้ามาภายในห้องนอนจะเห็นตำแหน่งการวางของเตียง ซึ่งจะวางขนานไปกับหน้าต่างกระจกใส สามารถรับแสงธรรมชาติจากด้านนอกได้อย่างเต็มที่

หลังจากวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้ว ยังเหลือพื้นที่ด้านข้างสำหรับเดินเข้าออกอยู่เยอะพอสมควรเลยครับ

บริเวณด้านข้างขนานกับเตียงจะเป็นตำแหน่ง Built in ตู้เสื้อผ้าขนาดสูงจากพื้นถึงฝ้าตามห้องตัวอย่างนี้เลยครับ

ห้องตัวอย่างต่อมาเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 34 ตร.ม.

สำหรับ 1 Bedroom แบบนี้จะมี Layout การใช้งานที่แตกต่างกับห้องแบบที่แล้ว ห้องแบบนี้จะได้ความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นมา เพราะห้องนอนจะถูกแยกไปด้านข้างโดยเฉพาะ และมีห้องน้ำในตัว

ตำแหน่งของส่วนครัวจะอยู่ด้านหน้าสุดของตัวห้อง ทางโครงการจะ Built in ชุดครัวพร้อมกับ Hood Hob และฟังก์ชันการใช้งานต่างๆ มาให้ตามนี้เลยนะครับ

ติดกันจะเป็นพื้นที่ของ Living Area สามารถวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะกลางได้อย่างพอดี

ตรงข้ามกับชุดโซฟาจะเป็นชั้นวางทีวี วางของ ซึ่งทางโครงการ Built it โต๊ะทำงานเชื่อมต่อกับชั้นวางทีวีมาให้ดูเป็นไอเดียที่น่าสนใจมากๆ

มุมนี้จะยืนอยู่ด้านในสุดของห้องมองย้อนกลับไปยังทางเข้า และมองเข้าไปยังห้องนอน

ภายในห้องนอนสามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตเข้ามุมห้องขนานไปกับหน้าต่างกระจกใสได้พอดีมากๆ

บริเวณปลายเตียงสามารถติดตั้งทีวีกับผนังได้ตามภาพนี้เลยครับ มองเข้าไปด้านในสุดจะเป็นตำแหน่งของห้องน้ำในตัว

สำหรับห้องแบบนี้จะได้ Walk in Closet มาด้วยนะครับ

ทางโครงการ Built in ตู้เสื้อผ้ามาให้อย่างเดียวนะครับ ตู้ชั้นวางของทางซ้ายมือทำให้ดูเป็นไอเดียนะครับ แต่ถือว่าตกแต่งออกมาได้อย่างลงตัวมากๆ

ความพิเศษของห้องแบบนี้คือจะได้ห้องน้ำในตัว

ห้องตัวอย่างต่อไปจะเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 52 ตร.ม.

สำหรับห้องแบบนี้เปิดเข้ามาจะเจอส่วนครัวเป็นอันดับแรก

ชุดครัวที่ได้จะถูก Built in เป็นรูปตัว L เข้ามุมห้องได้อย่างพอดีสวยงาม

ในส่วนของโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งจะ Built in เชื่อมต่อกับชุดครัวมาให้เรียบร้อย

ตรงกันข้ามกับชุดครัวจะเป็นห้องน้ำที่ 2

ห้องน้ำจะออกแบบแยกส่วนการใช้งานระหว่างส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันมาให้ โดยกั้นส่วนด้วย Shower Box มาให้เรียบร้อยเลยครับ

ห้องน้ำจะออกแบบแยกส่วนการใช้งานระหว่างส่วนเปียกกับส่วนแห้งออกจากกันมาให้ โดยกั้นส่วนด้วย Shower Box มาให้เรียบร้อยเลยครับ

ถัดเข้ามาด้านในสุดตรงกลางระหว่างห้องนอนทั้ง 2 ห้องจะเป็น Living Area

บริเวณ Living Area สามารถวางชุดโซฟาขนาดประมาณ 2 – 3 ที่นั่งพร้อมกับโต๊ะกลางได้อย่างพอดี

ตรงข้ามกับชุดโซฟาจะเป็นตำแหน่งของชั้นวางทีวี

มุมย้อนจาก Living Area มองกลับไปยังทางเข้าห้องด้านหน้า มุมนี้สามารถมองเห็นถึงความโปร่งของห้องได้อย่างชัดเจน

ส่วนต่อมาจะเป็นห้องนอนที่ 2 ซึ่งตำแหน่งจะอยู่ติดกับห้องน้ำที่ 2

ภายในห้องนอนที่ 2 สามารถวางเตียงขนาด 3 ฟุตได้อย่างพอดี

สำหรับ Master Bedroom มีขนาดค่อนข้างใหญ่เลยครับ สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต และด้านในยังสามารถตั้งโต๊ะทำงานเข้ามุมห้องได้อย่างพอดี

มุมนี้จะมองย้อนกลับไปยังทางเข้าห้องน้ำ

บริเวณด้านหน้าก่อนเข้าห้องน้ำ จะเป็นพื้นที่ของตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง ทางโครงการ Built in ออกมาได้สวย และลงตัวสุดๆ

ความพิเศษของห้องแบบนี้คือจะได้ห้องน้ำในตัว ในส่วนฟังก์ชันการใช้งานก็จะแยกสัดส่วนการใช้งานมาให้เรียบร้อยเหมือนกับห้องแบบอื่นๆ

ห้องตัวอย่างสุดท้ายจะเป็นห้องแบบ 2 Bedroom มีขนาดพื้นที่ใช้สอยใหญ่ที่สุดถึง 90 ตร.ม. จุดเด่นของห้องนี้นอกจากจะมีขนาดใหญ่แล้ว ยังเป็นห้องที่มีหน้ากว้างเป็นพิเศษ และเป็นห้องมุมที่หันหน้าไปยังถนนพระราม9 ซึ่งจะมีอยู่ไม่เพียงกี่ยูนิตเท่านั้น

เข้ามาภายในห้องจะเจอกับส่วนครัวที่มีพื้นที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับแรก

ชุดครัวที่ได้จะ Built in เป็นรูปตัว L เข้ามุมห้องได้อย่างสวยงามมากๆ

โต๊ะรับประทานอาหารจะตั้งอยู่บริเวณส่วนครัวเลยนะครับ

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area ที่มีขนาดใหญ่อีกเช่นกัน สามารถวางชุดโซฟาขนาด 4 – 5 ที่นั่งได้อย่างสบายๆ

มุมนี้จะมองไปยังตำแหน่งของชั้นวางทีวี ซึ่งสามารถ Built in ชั้นวางของได้ตามห้องตัวอย่างเลยนะครับ ถือว่าเป็นการดีไซน์ตกแต่งห้องได้ลงตัว และใช้พื้นที่ได้อย่างคุ้มค่ามากๆ

ส่วนต่อมาจะเป็นห้องน้ำที่ 2 ที่จะอยู่ด้านนอกบริเวณทางเข้าห้อง

ติดกับห้องน้ำที่ 2 จะเป็นห้องเก็บของ

ภายในห้องน้ำที่ 2 ก็แบ่งสัดส่วนการใช้งานมาให้เรียบร้อย

ห้องนอนที่ 2 จะอยู่ติดกับห้องน้ำ และห้องเก็บของนะครับ

ภายในห้องนอนที่ 2 สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้พอดี ด้านในสุดของห้องจะเป็นมุมโต๊ะทำงาน

หลังจากวางเตียงแล้วยังเหลือพื้นที่สำหรับตั้งโต๊ะหัวเตียงทั้ง 2 ข้าง แถมยังเหลือพื้นที่ไว้สำหรับเดินอยู่เยอะเลยครับ

มุมโต๊ะทำงานที่อยู่ด้านในของห้องนอนที่ 2

บริเวณทางเข้าห้องนอนที่ 2 จะเป็นตำแหน่ง Built in ตู้เสื้อผ้า

Master Bedroom จะอยู่อีกฝั่งของตัวห้อง

เข้ามาภายใน Master Bedroom จะเจอตำแหน่งของตู้เสื้อผ้าเป็นอันดับแรก

ถัดเข้าด้านในสุดจะเป็นตำแหน่งของเตียง

ด้านในสุดจะเป็นพื้นที่สำหรับวางชุดโซฟาเข้ามุมห้อง สำหรับ Master Bedroom จะได้เป็นกระจกใสเข้ามุมตามภาพนี้เลยครับ ทำให้สามารถรับวิวจากด้านนอกได้อย่างเต็มที่

บริเวณด้านหน้าห้องน้ำจะเป็นตำแหน่งของโต๊ะเครื่องแป้ง

Master Bedroom จะได้ห้องน้ำในตัว และแยกสัดส่วนการใช้งานมาให้เรียบร้อยเช่นกัน

โครงการ Ideo Rama9-Asoke เป็นคอนโดมิเนียมสูง 36 ชั้น จำนวน 1 อาคาร ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพใจกลาง New CBD พระราม9 การเดินทางสะดวกเชื่อมต่อ CBD to CBD โครงการติดถนนใหญ่พระราม 9 เชื่อมถนนสำคัญอย่างถนนรัชดาภิเษก ถนนอโศก และใกล้กับ MRT สถานีพระราม9 เพียง 450 เมตร ทำให้การเดินทางไปยังจุดต่างๆทำได้สะดวกและง่ายดาย จุดเด่นสำคัญของทำเลคือรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ อาคารสำนักงานเกรดเอ สถานศึกษาชื่อดัง สถานพยาบาลชั้นนำ และแหล่ง Lifestyle อื่นๆตลอด 24 ชั่วโมง ถือว่าตอบโจทย์ในการอยู่อาศัยเป็นอย่างมาก

ในส่วนของตัวโครงการถือว่าออกแบบในแต่ส่วนมาได้ตอบโจทย์การอยู่อาศัยเช่นกัน เริ่มตั้งแต่อาคารที่ออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์นที่ได้ดึง Graphic Designer ชื่อดังอย่าง P7 ศิลปิน Street Art ชื่อดังระดับประเทศไทยมาร่วมออกแบบสร้างสรรค์ผลงานในเข้ากับ Concept ของโครงการ LIVE WORK PLAY ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็ออกแบบมาให้อย่างครบครับหลายรายการ เริ่มตั้งแต่ชั้นล่าง และยกพื้นที่ส่วนกลางหลักๆไปไว้ชั้นบนสุดอย่าง สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องอเนกประสงค์ขนาดใหญ่ สวนสีเขียว และอื่นๆ อีกมากมาย ถ้าพูดถึงแบบห้องก็มีแบบห้องให้เลือกอยู่หลายแบบ แต่ละแบบก็จะมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เริ่มตั้งแต่ห้องแบบ Studio 1 Bedroom 2 Bedroom มากไปกว่านั้นโครงการนี้ยังมีห้องแบบ HYBRID ความพิเศษคือความสูงภายในสูง 4.5 เมตร ก็จะมีแบบ Studio 1 Bedroom และ 2 Bedroom เหมือนกับห้องแบบธรรมดาเช่นกัน สำหรับวัสดุอุปกรณ์ทางโครงการก็เลือกใช้แต่วัสดุที่ได้มาตรฐานทั้งนั้น สรุปแล้วภาพรวมของโครงการถือว่าดี และน่าอยู่มากๆ ถ้าเอาเรื่องของทำเลการเดินทาง การออกแบบในส่วนต่างๆ ของที่ได้รับแล้วมาเทียบกับราคาที่เริ่มต้นเพียง 5.89 ล้านบาทในทำเลแบบนี้ ถือว่าหาแทบจะไม่ได้แล้วจริงๆ

สำหรับใครที่สนใจ 19 – 20 พ.ย. 2565 พบกับงาน OPEN HOUSE กับโปรโมชั่นใหม่ NEW HYBRID SERIES บอกเลยว่าห้ามพลาด !!!!

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษก่อนใคร https://anan.ly/3RQgnOA