ถ้าให้พูดถึงทำเลที่พักอาศัยในกรุงเทพฯ แต่ละโซนก็จะมีความน่าสนใจที่แตกต่างกัน จุดเด่นแต่ละโซนก็จะเด่นกันคนละแบบ ปัจจัยหลักๆ ที่จะชูว่าทำเลนั้นๆ เด่นอะไรก็ต้องไปเจาะลึกลงกันในแต่ละโซน ส่วนใหญ่แล้วในการเลือกที่อยู่อาศัยก็ขึ้นอยู่ Lifestyle ในแต่ละคนด้วยเช่นกัน เนื่องจากพื้นฐานในการอยู่อาศัยมันเกิดขึ้นในความหมายที่ไม่เหมือนกัน ทำเลในแต่โซนจะมีความพิเศษไม่เหมือนกันทั้งหมด วันนี้จะพามาดูศักยภาพของทำเลที่อยู่ใจกลางแหล่งที่พักอาศัยขนาดใหญ่ที่ติดกับสถานศึกษาขนาดใหญ่ระดับประเทศ….ศาลายา

ศาลายาเป็นทำเลที่ได้ความนิยมในการอยู่อาศัยอันดับต้นๆ และเนื้อหอมเป็นอย่างมากของทางฝั่งกรุงเทพฯตะวันตก เนื่องจากบริเวณโดยรอบของศาลายาจะเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกสำคัญๆ มากมาย และปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งที่พักอาศัยขนาดใหญ่เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งศาลายาจะมีความพิเศษตรงที่เป็นทำเลที่ติดกับสถานศึกษาชื่อดังอย่างมหาวิทยาลัยมหิดล ส่งผลให้ความเจริญทางด้านต่างๆ เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง มีการพัฒนาที่ดินให้กลายเป็นสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย เพื่อรองรับการเติบโตของคนที่มีความเกี่ยวข้องหมุนเวียนกับมหาวิทยาลัยมหิดลที่เข้ามาใช้ชีวิตในโซนศาลายานี้ สำหรับมหาวิทยามหิดลในปัจจุบันได้กลายเป็นมหาลัยที่มีหลักสูตรการสอนที่โดดเด่นในหลายด้าน โดยเฉพาะทางด้านการแพทย์ และทางด้านดนตรี ซึ่งผลิตบุคลากรชื่อดังมาอย่างมากมายในแต่ละปี

วันนี้เลยจะมาแนะนำที่พักอาศัยที่อยู่ติดกับมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ชื่อโครงการ เคฟ ศาลายา จาก AssetWise บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาอสังหาฯ ระดับต้นๆ ของประเทศ ที่มีประสบการณ์ และประสบความสำเร็จในการทำที่พักอาศัยอย่างคอนโดมิเนียมใกล้มหาวิทยาลัยชื่อดังในกรุงเทพมาอย่างมากมาย ซึ่งในทุกๆ ที่ก็ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีเยี่ยมมาโดยตลอด AssetWise ได้เล็งเห็นศักยภาพของทำเลในศาลายาที่ใกล้กับมหาลัยวิทยาลัยมหิดล ศาลายา จึงได้เข้ามาพัฒนาที่ดินให้กลายเป็นที่พักอาศัยขนาดใหญ่ และออกแบบในส่วนต่างๆ ให้เข้ากับ Lifestyle และตอบโจทย์ในการอยู่อาศัยให้เหมาะกับคนในย่านนี้ ภายใต้ชื่อโครงการว่า Kave Salaya ซึ่งใกล้จะสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในเร็วๆ นี้ ก่อนอื่นมาดูศักยภาพของทำเลกันก่อนว่ามีจุดเด่นในด้านไหนบ้าง

ศาลายาทำเลศักยภาพโดดเด่นเรื่องการเดินทาง ในปัจจุบันศาลายาไม่ได้ไกลอย่างที่เคยคิดกันอีกต่อไป ถนนบรมราชชนนีเป็นถนนเส้นหลักที่เชื่อมต่อศาลายาเข้าสู่กรุงเทพฯ ชั้นใน ถนนบรมราชชนนีเป็นถนนเส้นสำคัญในการเดินทางของทางฝั่งกรุงเทพฯ ตะวันตก เป็นถนนที่เริ่มต้นตั้งแต่ช่วงปิ่นเกล้า เป็นถนนเส้นใหญ่ที่วิ่งคู่ไปกับทางพิเศษลอยฟ้าที่เชื่อมระหว่างสะพานพระราม 8 และสะพานพระปิ่นเกล้า ที่วิ่งยาวตลอดแนวถนนบรมราชชนนีจนไปสิ้นสุดบริเวณพุทธมณฑลสาย 3 ส่งผลให้การเดินทางเข้าออกกรุงเทพฯ ชั้นในเป็นเรื่องง่าย และสะดวก มากไปกว่านั้นถนนบรมราชชนนียังเป็นถนนที่ตัดกับถนนเส้นหลักสำคัญอย่างถนนกาญจนาภิเษก ถนนราชพฤกษ์ ซึ่งทั้ง 2 ถนนเป็นถนนเส้นสำคัญสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนเส้นอื่นๆ ได้อีกมากมาย นอกเหนือจากนั้นถนนบรมราชชนนียังเป็นถนนหลักที่ตัดกับถนนพุทธมณฑลตั้งแต่สายที่ 1 – 5 เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนบรมราชชนนีกับถนนเพชรเกษมอีกด้วย ยิ่งทำให้การเดินทางจากโซนศาลายาไปยังจุดต่างๆใกล้เคียงทำได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น

นอกจากนั้นยังใกล้กับทางด่วนพิเศษศรีรัช – วงแหวนรอบนอก เป็นทางด่วนเส้นใหม่ที่วิ่งมาจากกรุงเทพฯ ชั้นใน เป็นทางพิเศษยกระดับขนาด 6 เลน ซึ่งจะวิ่งตามแนวทางรถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ – ตลิ่งชัน)  เริ่มต้นตั้งแต่ถนนกาญจนาภิเษก จากทางด้านทิศตะวันตกไปทางทิศตะวันออก ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณสะพานพระราม 6 จนถึงบริเวณย่านบางซื่อ เชื่อมต่อกับทางพิเศษบริเวณหมอชิต 2 เชื่อมต่อกับทางด่วนทำให้การเดินทางเข้าออกเมืองทำได้ง่าย และสะดวกเป็นอย่างมาก ในอนาคตคนที่พักอาศัยในโซนศาลายาก็จะเดินทางเข้าออกเมืองได้สะดวกขึ้นอีกขั้นด้วยรถไฟฟ้า สายสีแดงอ่อนสถานีศาลายา คาดว่าจะส้รางเสร็จพร้อมใช้งานปี 2567

นอกจากการเดินทางที่สะดวกแล้ว บริเวณโซนศาลายาใกล้เคียงกับโครงการ เคฟ ศาลายา ยังเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศูนย์การค้า สถานศึกษา โรงพยาบาล และแหล่งที่รวบรวม Lifestyle ต้องบอกเลยว่ามีความครบครันจริงๆ อาทิเช่น

Central Salaya, Makro, ตลาดศาลายา, Tesco Lotus, The Salaya, Chinatown Salaya, HomePro, พุทธมณฑล, โรงเรียนมหิดลวิทยานุสรณ์, วิทยาลัยนาฏศิลปะ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลรัตนโกสินทร์, สำนักช่างสิบหมู่, วิทยาลัยนานาชาติ ม.มหิดล, วิทยาลัยดุริยางคศิลป์, โรงพยาบาลศาลายา, โรงพยาบาลพุทธมณฑล และ ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก เป็นต้น

จากภาพรวมจะเห็นว่าศาลายาได้มีการพัฒนาไปมาก มีความเจริญไม่แพ้กับในโซนกรุงเทพฯอื่นๆ เลย และยังมีแนวโน้มว่าจะพัฒนา และเจริญขึ้นอย่างต่อเนื่องไปในอนาคต AssetWise มองขาดว่าทำเลในโซนศาลายามีศักยภาพในการที่จะทำเป็นที่พักอาศัย เพื่อที่จะช่วยยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตให้ดีขึ้น ทำเลที่ดีจะถูกรายล้อมด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกมากมาย นอกจากในเรื่องของทำเลแล้ว โครงการยังให้ความสำคัญกับการออกแบบทุกรายละเอียดเพื่อให้ตอบโจทย์กับคนพักอาศัยมากที่สุด สำหรับโครงการนี้จะมุ่งเน้นกับนักศึกษา นักเรียนที่กำลังศึกษาอยู่ในบริเวณโซนนี้ ทางโครงการเลยออกแบบพื้นที่ส่วนกลางกว่า 35 รายการ ซึ่งต้องบอกว่าเยอะมากจริงๆ สามารถรองรับการใช้ชีวิตได้อย่างดี มากกว่านั้นคือ ความคุ้มค่าที่จะได้รับ เมื่อเปรียบเทียบราคากับภาพรวมต่าง ๆ ที่เริ่มต้นเพียง 1.65 ลบ.* เท่านั้น บอกเลยว่าคุ้มค่ามากจริงๆ ไม่ว่าจะซื้ออยู่เองหรือลงทุนเพื่อปล่อยเช่าก็ตาม

เรามาทำความรู้จักกับคอนโดสร้างเสร็จใกล้พร้อมเข้าอยู่ในเร็วๆ นี้กันก่อน KAVE MUTANT SALAYA (เคฟ มิวแทนท์ ศาลายา) เป็นคอนโดมิเนียมสูง 7 ชั้น จำนวน 3 อาคาร จำนวนทั้งสิ้น 588 ยูนิต และมีร้านค้า 1 ยูนิต จำนวนที่จอดรถจะอยู่ที่ 41% รวมซ้อนคันนะครับ จุดเด่นสำคัญของที่นี่จะเป็นในเรื่องการออกแบบห้องพัก และพื้นที่ส่วนกลางที่ทำออกมาให้เข้ากับ Lifestyle และตอบโจทย์การอยู่อาศัยของคนพักอาศัยที่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นนักศึกษาที่เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา  ซึ่งที่ตั้งของโครงการจะติดถนนใหญ่ศาลายา-นครชัยศรี  ใกล้มหาวิทยาลัยมหิดล ระยะเดินที่ใกล้ที่สุดจากโครงการถึงประตูที่ 6 ประมาณ 750 เมตร และระยะขับรถที่ใกล้ที่สุดจากประตูที่ 5 ประมาณ 1 กม.

KAVE MUTANT SALAYA (เคฟ มิวแทนท์ ศาลายา) ออกแบบมาในสไตล์ Hybrid Modernique Design โดยเอารูปทรงเลขาคณิตเน้นลายเส้นมาผสมผสานกันบวกกับเอาพื้นที่สีเขียวมารวมเข้าด้วยกันได้อย่างลงตัว โดดเด่นในเรื่องของพื้นที่ส่วนกลางที่ทำออกมาถึง 32 ฟังก์ชันซึ่งทุกรายการออกแบบมาตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับพื้นที่ส่วนกลางจะกระจายออกไปทั่วโครงการ โดยหลักๆ แบ่งไปอยู่ตาม อาคาร A, B, C และพื้นที่สวนสีเขียวที่อยู่กึ่งกลางของโครงการ

เริ่มต้นตั้งแต่ The Common Ground จะเป็นพื้นที่สวนสีเขียวที่อยู่กึ่งกลางระหว่างอาคาร A และ อาคาร B ซึ่งจะประกอบไปด้วย
1 Valley Forest
2 Sunken Lawn
3 Hidden Bar
4 Misty Falls

ถัดขึ้นมาพื้นที่ส่วนกลางอาคาร A จะเป็นในส่วนของ Learning Zone จะเป็นพื้นที่สำหรับคนที่ชอบมานั่งทำงานอ่านหนังสือ หรือมีเพื่อนมาหาบ่อยๆ เนื่องจากอาคาร A จะเป็นอาคารที่อยู่ด้านหน้าสุดของโครงการ ซึ่งจะเข้าออกได้ง่าย และสะดวกมากที่สุด ดังนั้นทางโครงการเลยออกแบบให้เป็นโซน Lobby Co-idea Space ที่อยู่บนชั้นที่ 2 ถัดขึ้นมาบนชั้นที่ 3 ของอาคาร A จะเป็นในส่วนของ Learning Hub จะเป็นพื้นที่สำหรับนั่งอ่านหนังสือ บริเวณ Learning Hub จะมีโต๊ะเก้าอี้ตามมุมต่างๆ สำหรับนั่งอ่านหนังสือแบบส่วนตัวนิดนึง ติดกันจะเป็นพื้นที่ของ Working Pods จะเป็นอีกมุมโต๊ะเก้าอี้ทำงานแบบส่วนตัว หรือเรียกอีกอย่างว่าเป็นมุมคุยงาน

ถัดเข้าไปด้านในจะเป็น Meeting Chamber พื้นที่นั่งประชุมชิลๆ สบายๆ ติดกันจะเป็น Meeting Lounge ก็จะเป็นห้องประชุมแบบส่วนตัวขึ้นมานิดนึง

ขึ้นมาบนชั้น Roof Top ของอาคาร A จะเป็นพื้นที่ Sky Terrace, Sky Cinema, Sky Amphitheater และ Kave Viewpoint จะเป็นจุดชมวิวสูงสุดของโครงการ

อาคาร B พื้นที่ส่วนกลางจะออกแบบให้เป็นโซนพักผ่อน Rest and Relax ซึ่งจะเป็นพื้นที่ทำกิจกรรมแบบมันๆ สนุกๆ หน่อย พื้นที่ส่วนกลางบนชั้นที่ 1 จะเป็นพื้นที่ของ Sharing Lobby สำหรับนั่งพักผ่อนรอเพื่อน

ขึ้นมาชั้นที่ 2 ของอาคาร B จะเป็นในส่วนของ Fun Space จะเป็นพื้นที่สำหรับทำกิจกรรมต่างๆ และพื้นที่นั่งพักผ่อนแบบชิลๆ ทางโครงการเตรียมกิจกรรมยอดฮิตอย่างโต๊ะพูลมาให้ด้วย นอกจากนั้นบริเวณรอบๆ ทางโครงการจัดเตรียมชุดโต๊ะเก้าอี้ตามมุมต่างๆ ไว้สำหรับรองรับผู้พักอาศัยไว้จำนวนมาก

ถัดมาจะเป็น Music Studio เป็นห้องซ้อมดนตรีแบบเก็บเสียง ทางโครงการจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ มาให้ครบพร้อมเล่น ส่วนต่อมา Console & VR Room เป็นห้องเล่นเกมส์ และมีพื้นที่สำหรับสังสรรค์ ทำกิจกรรม ภายในตกแต่งออกมาได้สีสันสวยงามมากๆ

Kave Theater ห้องดูหนังส่วนตัวขนาดใหญ่ ภายในห้องจะมีชุดโซฟาแบบนั่งนอนชิลๆ มาให้พร้อม

อาคาร C พื้นที่ส่วนกลางจะออกแบบมาให้เป็น Active Zone ซึ่งจะประกอบไปด้วย Pulse Pool สระว่ายน้ำเป็นระบบเกลือ ขนาด 5 x 25 เมตร และยังมี Hydro Massage, Jet Pool และ Jacuzzi

The GYM ห้องออกกำลังกายที่มาพร้อมกับเครื่องและอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายต่างๆ ติดกันจะเป็น Health Station สำหรับพื้นที่ในส่วนนี้จะมีเครื่อง AED, เครื่องวัดความดัน และ BMI

Co-Kitchen พื้นที่ประกอบอาหารทางโครงการจะจัดเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ พร้อมมีตู้เย็นไว้รองรับในเวลาผู้พักอาศัยจัดปารตี้กับเพื่อนๆ ติดกันจะเป็นในส่วนของ Kave Café ที่มาพร้อมกับเครื่องชงกาแฟ และที่นั่งพักผ่อน

สำหรับห้องพักของที่นี่จะมีให้เลือกอยู่หลายแบบ ประกอบไปด้วย

Studio ขนาด 20.59 – 24.31 ตร.ม.

1 Bedroom ขนาด 22.09 – 23.34 ตร.ม.

1 Bedroom Extra ขนาด 24.04 – 31.44 ตร.ม.

1 Bedroom Exclusive ขนาด 24.59 – 29.33 ตร.ม.

1 Bedroom Plus ขนาด 31.27 – 34.83 ตร.ม.

VERTICAL SUITE (ห้อง Loft ชั้น 7)

1 Bedroom Extra VS ขนาดห้อง 20.81 – 29.42 ตร.ม. (ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 28.46 – 45.76 ตร.ม.)

1 Bedroom Exclusive ขนาด 22.09 – 31.44 ตร.ม. (ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 30.88 – 44.01 ตร.ม.)

1 Bedroom Plus ขนาด 31.27 – 34.83 ตร.ม. (ขนาดพื้นที่ใช้สอยรวมชั้นลอย 44.28 – 53.66 ตร.ม.)

ฝ้าเพดาน Simplex สูง 2.5 เมตร, Vertical Suite (Loft) สูง 4.8 เมตร

ห้องตัวอย่างแรกจะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom Exclusive ขนาด 24.59 – 29.33 ตร.ม. สำหรับห้องที่นี่จะได้เป็นแบบ Fully Furnished ประกอบไปด้วยชุดครัว ชุดโซฟา ชั้นวางทีวี เตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง เครื่องปรับอากาศ และ Digital Door Lock ความสูง Floor to Ceiling 2.5 เมตร สำหรับห้องแบบนี้จะออกแบบมาโดยแยกออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกพอเดินเข้ามาภายในห้องจะเป็นส่วนครัวที่ได้เป็นครัวปิด ซึ่งจะกั้นส่วนด้วยประตูกระจกแบบบานเลื่อน ชุดครัวที่ได้จะได้ทั้งตู้บน และล่าง โดยมีฟังก์ชันการใช้ตามภาพนี้เลย และตำแหน่งการวางตู้เย็นก็จะอยู่ติดกับชุดครัวเลย

ห้องน้ำจะอยู่ด้านหน้าติดกับส่วนครัว ภายในห้องน้ำทางโครงการจะกั้นส่วนเปียก กับส่วนแห้งด้วย Shower box มาให้เรียบร้อย สุขภัณฑ์ และอุปกรณ์จะเลือกใช้เป็นของ Cotto

ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area จะเป็นตำแหน่งการวางชุดโซฟาที่มาพร้อมกับโต๊ะกลาง ตรงกันข้ามจะเป็นชั้นวางทีวี ระยะการนั่งดูทีวีถือว่าอยู่ในระยะกำลังพอดี ไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป

ห้องนอนจะกั้นส่วนด้วยประตูกระจกแบบบานเลื่อน บริเวณปลายเตียงจะเป็นตำแหน่งการ Built in ของตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง

ห้องตัวอย่างถัดมาจะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom Extra ขนาด 27.18 ตร.ม. ฟังก์ชันการใช้งานของห้องแบบนี้ถือว่าออกแบบมาได้ความเป็นส่วนตัวสูง ส่วนแรกเปิดเข้ามาจะเป็นส่วนครัว ตำแหน่งการวางจะเรียงตามภาพนี้เลย เริ่มตั้งแต่ชุดครัว ตู้เย็น และโต๊ะรับประทานอาหาร ถัดเข้าไปจะเป็น Living Area เป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับส่วนครัว ทำให้พื้นที่บริเวณดูกว้างเป็นพิเศษ

ตำแหน่งการวางชุดโซฟา โต๊ะกลาง และชั้นวางทีวี ถ้าดูจากภาพนี้ระยะในแต่ละส่วนถือว่าอยู่ในระยะที่ดีเลย แถมยังเหลือพื้นที่สำหรับเดินเข้าออกอยู่พอสมควรด้วย

ห้องแบบนี้จะได้ห้องนอนที่เป็นส่วนตัว กั้นส่วนมาให้เรียบร้อย ภายในห้องนอนแบบนี้จะมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่เป็นพิเศษ ทางโครงการตกแต่งเป็นเตียงคู่ให้ดูเป็นตัวอย่าง ในกรณีที่เพื่อนพักอาศัยด้วยกัน แล้วต้องการแยกเตียงนอนกัน ถือว้าห้องแบบนี้มีพื้นที่ค่อนข้างที่จะใหญ่พอสมควรเลย

ภายในห้องน้ำก็จะกั้นส่วนเปียก และแห้งมาให้เรียบร้อย

ห้องตัวอย่างที่ 3 จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom Exclusive Vertical Suite เพดานสูง 4.8 เมตร ฟังก์ชันภายในห้องออกแบบแยกสัดส่วนการใช้งานอย่างชัดเจน โดยเอาพื้นที่ใช้งานอย่างส่วนครัว และห้องน้ำไว้ด้านหน้าสุดของตัวห้อง ถัดเข้ามาจะเป็น Living Area ขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถวางชุดโซฟาขนาดใหญ่พร้อมโต๊ะกลาง และชั้นวางทีวีได้อย่างลงตัว ส่วนด้านในสุดติดกับหน้าต่างจะเป็นตำแหน่งของโต๊ะรับประทานอาหารเข้ามุมห้องจำนวน 2 ที่นั่ง

ตำแหน่งบันไดขึ้นลงชั้นลอยจะอยู่ด้านข้างของตัวห้อง ข้อดีคือจะทำให้มีพื้นที่ใช้สอยที่เยอะขึ้น ขึ้นมาบนชั้นลอยจะเป็นพื้นที่ของห้องนอน ขนาดพื้นที่สามารถวางเตียงขนาด 3- 5 ฟุตได้อย่างพอดี และBuilt in ตู้เสื้อผ้าบริเวณด้านข้างของเตียง

ภาพนี้จะยืนอยู่บนชั้นลอยมองลงไปชั้นล่างของห้องจะเห็นถึงความสูงโปร่งของห้องแบบนี้

โครงการ KAVE MUTANT SALAYA (เคฟ มิวแทนท์ ศาลายา) เป็นคอนโดสูง 7 ชั้น 3 อาคาร แบ่งออกเป็น อาคาร A, B และC สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในเร็วๆนี้ มีจำนวนห้องพักทั้งสิ้น 588 ยูนิต และมีร้านค้า 1 ยูนิต ออกแบบมาสไตล์โมเดิร์น จัดเต็มกับพื้นที่ส่วนกลางถึง 32 ฟังก์ชัน ซึ่งแต่ละรายการทางโครงการออกแบบมาตอบโจทย์กับกลุ่มนักศึกษานักเรียนเป็นอย่างมาก โดยจะแยกออกเป็นโซนๆ Learning Zone Rest & Relax Zone และ Active Zone สำหรับพื้นที่สวนสีเขียวก็จะอยู่บริเวณกึ่งกลางของโครงการ ในส่วนของห้องพักก็มีให้เลือกอยู่หลายแบบ Studio 1 Bedroom และ 1 Bedroom Vertical Suite เพดานสูง 4.8 เมตร มีพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 20.59 – 53.66 ตร.ม. ซึ่งแต่ละแบบก็จะกระจายไปทั่วทั้ง 3 อาคาร ในส่วนเรื่องทำเลที่ตั้งก็ถือว่าตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพมากๆ ซึ่งจุดขายของที่นี่คือใกล้กับมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ดังนั้นกลุ่มเป้าหมายหลักก็จะเป็นพวกนักศึกษา นักเรียน ครู และพนักงานที่ทำงานอยู่ในบริเวณโซนนั้น ความพิเศษของบริเวณนี้คือจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งศูนย์การค้า ตลาด สถานศึกษา สถานพยาบาล ที่อยู่โดยรอบเต็มไปหมด ถือว่าตอบโจทย์กับการอยู่อาศัยเป็นอย่างมาก ถ้ามองในมุมการลงทุน โครงการนี้ถือว่าน่าลงทุนเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะซื้อลงทุนเพื่อไว้ปล่อยเช่า หรือจะขายต่อสำหรับห้องมุมดีๆ โครงการนี้ถือว่าน่าสนใจมากๆ เมื่อเอามาเทียบกับทำเล พื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการกับราคาที่เริ่มต้นเพียง 1.75ลบ** ถือว่าคุ้มนะครับ ใครที่สนใจสามารถเข้าไปชมโครงการจริงๆ กันได้แล้วนะครับ

ราคาเริ่มเพียง 1.75 ลบ.* มาพร้อมกับ Promotion สุดพิเศษอย่างต่อเนื่อง รับเพิ่มส่วนลดสูงสุด 600,000 บ. มากไปกว่านั้นถ้ามาจอง และโอนภายในวันที่ 30 พ.ย.65 มีโอกาสลุ้นรถยนต์ไฟฟ้า Neta V , ทองคำแท่งรวม 15 บาท และเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ มูลค่ารวมกว่า ล้านกว่าบาท

ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษตอนนี้เลย https://bit.ly/3BkZeW1